“ผิวหนังติดสเตียรอยด์” เมื่อใช้กับผิวหนังนานเกินไป

“ผิวหนังติดสเตียรอยด์” เมื่อใช้กับผิวหนังนานเกินไป

“ผิวหนังติดสเตียรอยด์” เมื่อใช้กับผิวหนังนานเกินไป สเตียรอยด์ หรือสเตอรอยด์ เป็นชื่อเรียกของกลุ่มฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากต่อมหมวกไตภายในร่างกายของคนเรา โดยหลักๆ มี 2 ชนิด คือ โคติซอล(Cortisol) และ อัลโดสเตอรอยด์(Aldosterone) นอกจากนี้ เมื่อคนเราอยู่ในภาวะเครียด ร่างกายก็จะหลั่งสารสเตียรอยด์ออกมามากขึ้น

ต่อมาในวงการแพทย์แผนปัจจุบันจึงสร้างสารสเตียรอยด์สังเคราะห์ขึ้นมาจากสเตียรอยด์ชนิดโคติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ต้นแบบของร่างกาย เพื่อพัฒนาตัวยาบางชนิดให้ ออกฤทธิ์แรงขึ้นเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคบางชนิด

“ผิวหนังติดสเตียรอยด์” เมื่อใช้กับผิวหนังนานเกินไป

สเตียรอยด์ ในยาทาผิวหนังภายนอก
Topical Steroids เป็นยาสเตียรอยด์สำหรับรักษาโรคผิวหนังที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไป เช่น Dermovate, TAcream, Beta cream, Topicort, Prednisil cream โดยมากจะนิยมซื้อมาใช้เป็นยาทาผิวหนังในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคเซ็บเดิร์ม หรือโรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ ผิวไหม้แดด เป็นต้น

แต่อาจมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ใช้ยาเหล่านี้แล้วไม่ได้ผล อาจมีสาเหตุมาจากอาการต้านยา ดื้อยา หรือหยุดยาแล้วกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งอาจมาจากการซื้อยาทาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ หรือการไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดมากพอ

หากใช้ยาสเตียรอยด์บนผิวหนังเป็นเวลานาน อาจเกิดการติดยาสเตียรอยด์ (Steroid Addict) เมื่อหยุดยาหน้าจะแดงมีสิวผดเกิดขึ้น ปัญหานี้พบบ่อยมากเนื่องจากมีการใช้สเตียรอยด์เกินความจำเป็นในคลินิกรักษา ผิวหนังและเสริมความงาม

“ผิวหนังติดสเตียรอยด์” เมื่อใช้กับผิวหนังนานเกินไป

การป้องกันอาการผิวหนังติดสเตียรอยด์
ไม่ซื้อยามาทาเอง ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ รับยาที่เหมาะสมจากแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด
โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นหลังจากการใช้ยาภายใน 1-2 สัปดาห์ จากนั้นค่อยๆ ลด การใช้ยาลง เช่น เปลี่ยนเป็นชนิดที่อ่อนลง หรือ ลดจำนวนครั้งที่ทา (ทั้งนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ด้วย)
หลีกเลี่ยงการทายาบนผิวหนังปกติ ที่ไม่มีอาการใดๆ
ไม่ใช้ยาทามากเกินความจำเป็น เช่น หากแพทย์แนะนำให้ทาวันละ 2 เวลา ก็ควรทาแค่ 2 เวลา การทายาบ่อยกว่าปกติไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา แต่อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้
หลีกเลี่ยงการใช้ยาทาในกลุ่มฤทธิ์แรงปานกลางและสูง ในปริมาณเกินกว่า 45 กรัมต่อสัปดาห์ใน ผู้ใหญ่และไม่เกิน 15 กรัมต่อสัปดาห์ในเด็ก
หากซื้อยามาทาเอง แล้วอาการของโรคผิวหนังที่เป็นแย่ลงในขณะที่ใช้ยา ควรหยุดยา และรีบไปพบแพทย์ผิวหนัง