การตรวจวัดระดับปริมาณของเสียในร่างกายเป็นส่วนสำคัญของการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินการทำงานของไต โดยทั่วไปแล้ว การตรวจวัดของเสียจะทำผ่านการตรวจเลือดและปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ประเมินสุขภาพของไตและหาความผิดปกติได้ การตรวจระดับของเสียในร่างกายถือเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินการทำงานของไตและสุขภาพโดยรวม
ต่อไปนี้คือข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่การวัดระดับของเสียสามารถช่วยให้คุณดูแลสุขภาพของคุณได้อย่างมั่นใจ
การตรวจเลือด
BUN (Blood Urea Nitrogen): เป็นการตรวจวัดปริมาณไนโตรเจนในเลือด ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญโปรตีน หากค่า BUN สูง อาจบ่งบอกถึงการทำงานของไตที่ลดลง หรือภาวะขาดน้ำ
Creatinine: เป็นสารที่เกิดจากกล้ามเนื้อและถูกขับออกทางไต การตรวจวัดระดับ Creatinine จะช่วยประเมินการทำงานของไตได้ หากค่า Creatinine สูงขึ้น อาจบ่งบอกถึงไตที่ทำงานได้ไม่เต็มที่
eGFR (Estimated Glomerular Filtration Rate): เป็นค่าประมาณอัตราการกรองของไต ซึ่งคำนวณจากค่า Creatinine อายุ และเพศ ค่า eGFR จะช่วยบอกถึงประสิทธิภาพการทำงานของไต
เหตุใดจึงต้องวัดระดับของเสียในร่างกาย?
ของเสียในเลือด เช่น ครีเอตินินและยูเรียไนโตรเจน เป็นผลพลอยได้จากการทำงานปกติของร่างกาย เมื่อไตทำงานไม่ถูกต้อง ระดับของเสียเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงปัญหาไตที่อาจเกิดขึ้นได้ การตรวจพบแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมได้
การทดสอบที่สำคัญสำหรับการวัดระดับของเสีย
การทดสอบครีเอตินินในซีรั่ม:
การทดสอบนี้วัดปริมาณครีเอตินินซึ่งเป็นของเสียจากการเผาผลาญของกล้ามเนื้อในเลือด หากระดับครีเอตินินสูงขึ้น อาจบ่งชี้ถึงการทำงานของไตที่บกพร่อง
การทดสอบไนโตรเจนยูเรียในเลือด (BUN):
ระดับ BUN สะท้อนถึงปริมาณไนโตรเจนในเลือดจากยูเรีย ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดขึ้นเมื่อโปรตีนถูกย่อยสลาย ระดับ BUN ที่สูงอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ปัญหาไต
อัตราการกรองของไต (GFR):
GFR เป็นตัวประมาณว่าไตสามารถกรองของเสียได้ดีเพียงใด โดยคำนวณจากระดับครีเอตินิน อายุ เพศ และขนาดร่างกาย หาก GFR ต่ำลง แสดงว่าไตทำงานลดลง
การตรวจปัสสาวะ:
การทดสอบนี้ตรวจปัสสาวะเพื่อหาโปรตีน เลือด และสารอื่นๆ โปรตีนในปัสสาวะมักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคไต
การทดสอบปัสสาวะ 24 ชั่วโมง:
การทดสอบนี้วัดปริมาณขยะทั้งหมดที่ไตกรองภายใน 24 ชั่วโมง โดยจะให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของไต
ผลลัพธ์หมายถึงอะไร
ระดับของเสียปกติ:บ่งชี้ว่าไตทำงานได้ดี
ระดับที่สูงขึ้นเล็กน้อย:อาจบ่งบอกถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตหรือการทดสอบเพิ่มเติม
ระดับที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ:มักชี้ให้เห็นถึงโรคไตเรื้อรัง (CKD) หรือไตวายเฉียบพลัน ซึ่งต้องได้รับการแทรกแซงจากแพทย์
ขั้นตอนในการดูแลรักษาไตให้แข็งแรง
รักษาระดับน้ำในร่างกายให้เหมาะสมด้วยการดื่มน้ำให้มาก
ปฏิบัติตามการรับประทานอาหารที่สมดุลและเป็นมิตรต่อไต โดยมีปริมาณโซเดียมต่ำและปริมาณโปรตีนที่ควบคุม
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
ออกกำลังกายสม่ำเสมอและรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สมดุล
ตรวจวัดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองการทำงานของไตเป็นประจำ
การวัดระดับของเสียในร่างกายเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินสุขภาพไต การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการตรวจพบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยป้องกันหรือจัดการกับโรคไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เสมอเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมตามสถานะสุขภาพส่วนบุคคลของคุณ