ภาวะติดเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์ เชื้อก่อโรคจากการรับประทานยาปฏิชีวนะ

ภาวะติดเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ซึ่งเรียกว่า ลำไส้ใหญ่อักเสบ การติดเชื้อนี้มักทำให้เกิดอาการท้องเสียปวดท้องมีไข้และในรายที่มีอาการรุนแรง อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนที่คุกคามชีวิตได้ถือเป็นการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการรักษา

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
แบคทีเรีย C. diff มีอยู่ตามธรรมชาติในสิ่งแวดล้อม รวมถึงดิน อากาศ น้ำ อุจจาระของมนุษย์และสัตว์ บางคนสามารถแพร่เชื้อแบคทีเรียในลำไส้ได้โดยไม่แสดงอาการ แต่เมื่อสมดุลปกติของแบคทีเรียในลำไส้ถูกทำลาย ซึ่งมักเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ แบคทีเรีย C. diff อาจเติบโตมากเกินไปและผลิตสารพิษที่ทำลายเยื่อบุลำไส้ใหญ่

ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่:
การใช้ยาปฏิชีวนะล่าสุด โดยเฉพาะชนิดกว้างสเปกตรัม
การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือสถานดูแลระยะยาว
อายุมากกว่า 65 ปี
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การติดเชื้อ C. diff ก่อนหน้านี้

อาการที่ควรเฝ้าระวัง
อาการโดยทั่วไปจะปรากฏภายใน 5 ถึง 10 วันหลังจากเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ และอาจรวมถึง:
ท้องเสียเป็นน้ำ (วันละ 3 ครั้งขึ้นไป ติดต่อกัน 2 วันขึ้นไป)
อาการปวดท้องหรือปวดเกร็งบริเวณช่องท้อง
อาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร
ไข้
ภาวะขาดน้ำ
ในรายที่รุนแรงอาจมีเลือดหรือหนองในอุจจาระ

แพทย์จะวินิจฉัย C. diff ได้อย่างไร โดย อาศัยประวัติทางการแพทย์การตรวจร่างกายและการทดสอบในห้องปฏิบัติการจากตัวอย่างอุจจาระ เพื่อตรวจหาสารพิษหรือแบคทีเรียชนิดนั้นเอง

ตัวเลือกการรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ:
หยุดการใช้ยาปฏิชีวนะที่กระตุ้นหากเป็นไปได้
การเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่มุ่งเป้าไปที่ C. diff เช่น แวนโคไมซินหรือฟิดาโซมิซิน
สำหรับกรณีที่รุนแรงหรือเกิดขึ้นซ้ำอาจแนะนำให้ทำการปลูกถ่ายจุลินทรีย์ในอุจจาระ (FMT) เพื่อฟื้นฟูแบคทีเรียในลำไส้ให้มีสุขภาพดี

กลยุทธ์การป้องกัน
ใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะเมื่อจำเป็นและตรงตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น
ฝึกสุขอนามัยมือที่ดี โดยเฉพาะในสถานพยาบาล
ทำความสะอาดพื้นผิวเป็นประจำ โดยเฉพาะในห้องน้ำและห้องครัว
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อเมื่อเป็นไปได้

การติดเชื้อ C. diff เป็นโรคร้ายแรงแต่สามารถป้องกันและรักษาได้ การตระหนักรู้ การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างระมัดระวัง และการรักษาสุขอนามัยที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้อย่างมาก หากคุณมีอาการท้องเสียเรื้อรังหลังจากรับประทานยาปฏิชีวนะ ควรไปพบแพทย์ทันที การวินิจฉัยและการรักษาในระยะเริ่มต้นเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวที่ประสบความสำเร็จ