โรคหูชั้นกลางอักเสบคือการอักเสบของชั้นของหูพบบ่อยในเด็กเล็ก

โรคหูชั้นกลางอักเสบเป็นโรคที่พบบ่อยโดยเฉพาะในเด็กเล็ก เกิดจากการอักเสบของหูชั้นกลาง ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างแก้วหูและหูชั้นใน การอักเสบนี้มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสโดยส่งผลกระทบต่อหูชั้นกลาง ซึ่งเป็นช่องอากาศเล็กๆ ด้านหลังแก้วหู ภายในมีกระดูกเล็กๆ ที่สั่นสะเทือนซึ่งทำหน้าที่ส่งเสียง การติดเชื้อหูชั้นกลางเป็นภาวะที่พบได้บ่อยแต่สามารถจัดการได้

ภาวะนี้มักพบในเด็กโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ใหญ่เช่นกัน มาสำรวจกันว่าการติดเชื้อหูชั้นกลางคืออะไร สาเหตุ อาการ และทางเลือกในการรักษา
สาเหตุของโรคหูชั้นกลางอักเสบ
การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน: เช่น หวัด ไซนัสอักเสบ ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่หูชั้นกลาง
ท่อยูสเตเชียนทำงานผิดปกติ: ท่อนี้ทำหน้าที่ระบายอากาศและของเหลวออกจากหูชั้นกลาง เมื่อท่ออุดตัน ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่าย
ภูมิคุ้มกันต่ำ: เด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่
การติดเชื้อหูชั้นกลางคืออะไร?
การติดเชื้อหูชั้นกลางเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียหรือไวรัสทำให้เกิดการอักเสบและของเหลวคั่งในหูชั้นกลาง มักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของหวัด การติดเชื้อไซนัส หรือภาวะทางเดินหายใจ การติดเชื้ออาจเป็นแบบเฉียบพลัน (ระยะสั้น) หรือแบบเรื้อรัง (ระยะยาว) ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและการเกิดซ้ำ

สาเหตุของการติดเชื้อหูชั้นกลาง
การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส :
ผู้ร้ายที่พบบ่อยที่สุดได้แก่Streptococcus pneumoniaeและHaemophilus influenzaeสำหรับการติดเชื้อแบคทีเรีย
ไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถทำให้เกิดโรคหูน้ำหนวกได้เช่นกัน

ภาวะผิดปกติของท่อยูสเตเชียน :
ท่อยูสเตเชียนเชื่อมต่อหูชั้นกลางกับคอ หากท่อบวมหรืออุดตันเนื่องจากอาการแพ้ หวัด หรือการติดเชื้อไซนัส ท่ออาจกักเก็บของเหลวไว้ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

ปัจจัยเสี่ยง :
อายุ: เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี มีความเสี่ยงสูงกว่าเนื่องจากท่อยูสเตเชียนยังพัฒนาไม่เต็มที่
สิ่งแวดล้อม: การสัมผัสกับควัน มลภาวะทางอากาศ หรือสภาพการใช้ชีวิตที่แออัด อาจทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

อาการติดเชื้อหูชั้นกลาง
อาการปวดหู (เล็กน้อยถึงรุนแรง)
ความรู้สึกแน่นในหู
ความลำบากในการได้ยิน
การระบายของเหลวหรือหนองออกจากหู (ในกรณีที่แก้วหูแตก)

ไข้
อาการหงุดหงิดหรือนอนหลับยาก (มักเกิดในเด็ก)
อาการแทรกซ้อนที่ต้องระวัง

หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อหูชั้นกลางอาจส่งผลให้เกิด:
สูญเสียการได้ยิน : ของเหลวที่คงอยู่สามารถทำให้การได้ยินลดลงชั่วคราวหรือถาวรในกรณีที่รุนแรง
การแพร่กระจายของการติดเชื้อ : การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง เช่น กระดูกกกหู (mastoiditis)
การแตกของเยื่อแก้วหู : แก้วหูอาจทะลุได้เนื่องจากแรงดันที่เพิ่มขึ้น

การรักษาและการจัดการ
การรักษาทางการแพทย์ :
ยาปฏิชีวนะ : กำหนดให้ใช้สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะหากมีอาการรุนแรงหรือต่อเนื่อง
บรรเทาอาการปวด : ยาแก้ปวดที่ซื้อได้ตามร้านขายยา เช่น ไอบูโพรเฟนหรืออะเซตามิโนเฟน สามารถบรรเทาอาการปวดได้
ข้อสังเกต :

สำหรับอาการที่ไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ติดตามอาการเป็นเวลาสองสามวันก่อนจะเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ
การผ่าตัด (ในกรณีเรื้อรัง):

การผ่าตัดไมริงโกโตมี : การผ่าตัดเล็กๆ บริเวณแก้วหูเพื่อระบายของเหลว
ท่อเปิดหูชั้นใน : ท่อขนาดเล็กที่ใส่เข้าไปในแก้วหูเพื่อป้องกันการสะสมของของเหลว
เคล็ดลับการป้องกัน
สุขอนามัยที่ดี : การล้างมือเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ
การฉีดวัคซีน : ให้แน่ใจว่าได้รับวัคซีนที่ทันสมัย ​​เช่น วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
หลีกเลี่ยงการสัมผัสควัน : ควันบุหรี่มือสองอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหูได้
การให้นมบุตร : สำหรับทารก การให้นมบุตรช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
เมื่อไรจึงควรไปพบแพทย์

ไปพบแพทย์หาก:
อาการจะคงอยู่ต่อไปเกินกว่าสองสามวัน
มีของเหลวไหลออกมาจากหู
ความเจ็บปวดจะรุนแรงมากขึ้น
ปัญหาการได้ยินเริ่มเกิดขึ้น

การติดเชื้อหูชั้นกลางเป็นภาวะที่พบได้บ่อยแต่สามารถจัดการได้ หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ และดูแลอย่างเหมาะสม ก็สามารถหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้ ทำให้หูของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและมีสุขภาพดีโดยรวม หากคุณหรือบุตรหลานของคุณมีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม ติดตามข้อมูลและดำเนินการเชิงรุกในการดูแลสุขภาพหู