ในโลกยุคปัจจุบันที่หมุนเร็ว หลายคนต้องเผชิญกับความไม่มั่นใจในตัวเอง แม้กระทั่งในยามที่ตนเองมีความสามารถและประสบความสำเร็จ ความรู้สึกนี้ซึ่งมักถูกอธิบายว่าเป็นการคิดว่าตนเองไม่ดีพอ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ภูมิหลังหรือความสำเร็จเป็นอย่างไร นักจิตวิทยามักเชื่อมโยงประสบการณ์นี้กับอาการอิมพอสเตอร์ ซินโดรมซึ่งเป็นรูปแบบทางจิตวิทยา
อาการหรือภาวะที่คุณกล่าวถึงว่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งมักจะถูกเรียกว่าอิมพอสเตอร์ ซินโดรมเป็นภาวะทางจิตวิทยาที่บุคคลมีความรู้สึกสงสัยในความสามารถ ทักษะ หรือความสำเร็จของตนเองอย่างต่อเนื่องและฝังลึก แม้จะมีหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมก็ตาม
Impostor Syndrome คืออะไร?
โรค Impostor Syndrome ไม่ได้รับการจัดประเภทอย่างเป็นทางการว่าเป็นความผิดปกติทางจิต แต่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ได้รับการยอมรับ ผู้ที่มีอาการนี้มักจะ:
ลดความสำคัญของความสำเร็จของพวกเขา โดยอ้างว่าความสำเร็จนั้นเกิดจากโชคหรือปัจจัยภายนอก
รู้สึกว่าตนเองไม่สมควรได้รับการยอมรับหรือยกย่อง
กลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเป็น “คนหลอกลวง”
ตั้งมาตรฐานให้ตัวเองสูงมากและวิตกกังวลเมื่อไม่สามารถบรรลุมาตรฐานนั้นได้
ความคิดเช่นนี้อาจส่งผลต่อทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล และความนับถือตนเองต่ำโดยไม่จำเป็น
สัญญาณและอาการ
อาการของความรู้สึก “ไม่ดีพอ” อาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปมีดังนี้:
ความสงสัยในตนเองอย่างต่อเนื่อง – การตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถและการตัดสินใจของตนเองอยู่ตลอดเวลา
ความสมบูรณ์แบบ – รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่คุณทำแล้วจะเพียงพอ
ทำงานหนักเกินไป – ทุ่มเวลาเพิ่มเพื่อ “พิสูจน์” คุณค่าของตัวเอง
ความกลัวความล้มเหลว – หลีกเลี่ยงความท้าทายใหม่ๆ เนื่องจากความกลัวที่จะถูกเปิดเผย
ความยากลำบากในการยอมรับคำชมเชย – การปัดคำชมเชยหรือคิดว่าความสำเร็จนั้นเกิดจากโชคช่วย
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยหลายประการอาจส่งผลต่ออาการนี้:
ครอบครัวและการเลี้ยงดู – การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีแรงกดดันสูงหรือมีพ่อแม่ที่ชอบวิจารณ์อย่างหนัก
ความคาดหวังทางวัฒนธรรมและสังคม – แรงกดดันทางสังคมในการประสบความสำเร็จอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่เพียงพอเพิ่มมากขึ้น
ลักษณะบุคลิกภาพ – ผู้ที่มุ่งมั่นในความสมบูรณ์แบบหรือมีจิตสำนึกสูง มีแนวโน้มที่จะไม่มั่นใจในตัวเองมากขึ้น
สภาพแวดล้อมในการทำงาน – สถานที่ทำงานที่มีการแข่งขันสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะรู้สึกเหมือนเป็นผู้แอบอ้าง
ผลกระทบต่อสุขภาพจิต
หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการควบคุม ความรู้สึกอย่างต่อเนื่องที่ว่าตนเองไม่ดีพออาจนำไปสู่:
ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
ความพึงพอใจในงานลดลงและอาชีพหยุดชะงัก
การถอนตัวจากสังคมและความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
ภาวะหมดไฟเนื่องจากการชดเชยมากเกินไป
กลยุทธ์การรับมือ
แม้ว่าการเอาชนะความสงสัยในตนเองจะต้องใช้เวลา แต่ก็มีกลยุทธ์เชิงปฏิบัติที่สามารถช่วยได้:
จดจำรูปแบบ – ยอมรับว่าความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติและไม่ได้สะท้อนถึงความสามารถที่แท้จริงของคุณ
พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ – การแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อน ที่ปรึกษา หรือผู้ให้คำปรึกษา สามารถทำให้ความรู้สึกของคุณกลายเป็นเรื่องปกติได้
จดบันทึกความสำเร็จ – บันทึกความสำเร็จและข้อเสนอแนะในเชิงบวกเพื่อต่อต้านการพูดในเชิงลบต่อตนเอง
ตั้งเป้าหมายที่สมจริง – ยอมรับว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ไม่ใช่สัญญาณของความไร้ความสามารถ
ฝึกฝนความเมตตาต่อตนเอง – ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเข้าใจและความอดทนเช่นเดียวกับที่คุณมอบให้กับเพื่อน
เมื่อใดจึงควรขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพ
หากความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองยังคงอยู่และรบกวนชีวิตประจำวัน ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต การบำบัด เช่น การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม สามารถช่วยให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนความคิดเชิงลบ สร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และพัฒนากลไกการรับมือที่ดีขึ้น
ความรู้สึกไม่ดีพอ มักเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่หลายคนคิด และมักเชื่อมโยงกับอาการ “Impostor Syndrome” การรับรู้สัญญาณ ความเข้าใจสาเหตุ และการประยุกต์ใช้กลยุทธ์การรับมือที่ได้ผลจริง จะช่วยให้บุคคลสามารถหลุดพ้นจากวงจรแห่งความสงสัยในตนเอง และยอมรับศักยภาพที่แท้จริงของตนเองได้ จำไว้ว่า: คุณค่าในตนเองไม่ได้ถูกกำหนดโดยความสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่สร้างขึ้นจากการยอมรับและการเติบโตในตนเอง