มดลูกเป็นอวัยวะสำคัญในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง โดยปกติจะมีขนาดประมาณกำปั้น แต่ภาวะทางการแพทย์บางอย่างอาจทำให้มดลูกขยายใหญ่ขึ้นได้ แม้ว่ามดลูกจะไม่ใช่โรคในตัวเอง แต่มักเป็นอาการของโรคพื้นฐานที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ การทำความเข้าใจสาเหตุ อาการและทางเลือกในการรักษาจะช่วยให้ผู้หญิงได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีและปกป้องสุขภาพของตนเอง
ภาวะมดลูกโตเป็นภาวะที่มดลูกมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมดลูกของผู้หญิงจะมีขนาดประมาณผลชมพู่ แต่เมื่อเกิดภาวะนี้มดลูกจะขยายใหญ่ขึ้นจนอาจมีขนาดเท่ากับคนตั้งครรภ์ 2-3 เดือน หรือในบางกรณีอาจใหญ่ถึงเท่ากับคนท้อง 7 เดือนได้เลยทีเดียว
มดลูกโตคืออะไร?
มดลูกโต หมายถึง มดลูกที่โตขึ้นกว่าขนาดปกติ การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ภาวะปกติไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า ภาวะมดลูกโตอาจเป็นเพียงชั่วคราวหรือถาวร ขึ้นอยู่กับสาเหตุ
สาเหตุทั่วไปของมดลูกโต
เนื้องอกมดลูกคือเนื้องอกชนิดไม่ใช่มะเร็งที่เกิดขึ้นภายในหรือบนมดลูก เนื้องอกเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะมดลูกโต โดยเฉพาะในสตรีวัยเจริญพันธุ์
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกชั้นใน (endometrium) เจริญเติบโตเข้าไปในผนังกล้ามเนื้อของมดลูก ทำให้ผนังมดลูกหนาขึ้นและใหญ่ขึ้น
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
แม้ว่าจะพบได้น้อย แต่โรคมะเร็งบางชนิดของมดลูกก็สามารถทำให้มดลูกโตขึ้นได้
ซีสต์หรือเนื้องอกในรังไข่
ซีสต์หรือเนื้องอกขนาดใหญ่สามารถกดทับมดลูก ทำให้มดลูกดูโตขึ้น
การเปลี่ยนแปลงในระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอด
ตามธรรมชาติแล้ว มดลูกจะขยายตัวในระหว่างตั้งครรภ์และอาจยังคงมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยหลังคลอดบุตรเป็นระยะเวลาหนึ่ง
อาการที่ควรระวัง
มดลูกที่โตอาจไม่ทำให้เกิดอาการเสมอไป แต่เมื่อมีอาการ อาจมีอาการดังต่อไปนี้:
การมีประจำเดือนผิดปกติหรือมากผิดปกติ
อาการปวดหรือความกดดันในอุ้งเชิงกราน
ปัสสาวะบ่อย (เนื่องจากแรงกดทับที่กระเพาะปัสสาวะ)
อาการปวดหลังส่วนล่าง
อาการท้องอืดหรือรู้สึกแน่นท้อง
อาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
หากคุณพบอาการเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องไปรับการประเมินทางการแพทย์
การวินิจฉัย
แพทย์ใช้หลายวิธีในการวินิจฉัยภาวะมดลูกโต เช่น:
การตรวจอุ้งเชิงกราน
อัลตราซาวนด์
การสแกน MRI
การตรวจเลือด (เพื่อตัดการติดเชื้อหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมน)
การวินิจฉัยในระยะเริ่มแรกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการระบุสาเหตุเบื้องต้นและการกำหนดวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
ทางเลือกการรักษา
การรักษาภาวะมดลูกโตขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ทางเลือกในการรักษาอาจรวมถึง:
ยา
การบำบัดด้วยฮอร์โมน ยาต้านการอักเสบ หรือยาอื่น ๆ เพื่อควบคุมอาการ
ขั้นตอนการผ่าตัดขั้นต่ำ
เช่น การอุดหลอดเลือดแดงมดลูกสำหรับเนื้องอกมดลูก
การผ่าตัด การผ่าตัด
เอาเนื้องอกมดลูกออก (Myomectomy) หรือการผ่าตัดเอามดลูกออก (Hysterectomy) ในกรณีที่รุนแรง
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รับประทานอาหารให้สมดุล และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสนับสนุนสุขภาพสืบพันธุ์
อาการที่สังเกตได้
อาการของภาวะมดลูกโตจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น โดยอาการที่พบบ่อยได้แก่
ปวดท้องน้อย: ปวดประจำเดือนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง
ประจำเดือนผิดปกติ: ประจำเดือนมามาก มานานกว่าปกติ หรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่
รู้สึกแน่นหรือหนักท้องน้อย: เหมือนมีอะไรถ่วงอยู่ตลอดเวลา
อาการอื่นๆ ที่เกิดจากการกดทับอวัยวะข้างเคียง: เช่น ปัสสาวะบ่อย ท้องอืด หรือปวดหลัง
ภาวะนี้อันตรายหรือไม่?
ภาวะมดลูกโตส่วนใหญ่ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต และหลายกรณีไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือดมากในแต่ละเดือน หรืออาจทำให้มีบุตรยาก เนื่องจากมดลูกที่โตขึ้นไปกดเบียดหรือปิดกั้นทางเดินของอสุจิได้
หากคุณมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการ เช่น การใช้ยาเพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด หรือในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดเพื่อนำก้อนเนื้อหรือมดลูกออกในกรณีที่จำเป็น
เมื่อใดจึงควรไปพบแพทย์
ผู้หญิงไม่ควรละเลยอาการปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง เลือดออกผิดปกติระหว่างมีประจำเดือน หรือขนาดหน้าท้องที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การแทรกแซงทางการแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนและยกระดับคุณภาพชีวิตได้
มดลูกโตอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่สามารถรักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก การตระหนักรู้ถึงอาการและการตรวจสุขภาพทางนรีเวชอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพอนามัยเจริญพันธุ์ หากคุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในรอบเดือน ความสบายของอุ้งเชิงกราน หรือขนาดหน้าท้อง อย่ารอช้าที่จะไปพบแพทย์ เพราะการรีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะสร้างความแตกต่างอย่างมาก