โรคเบาหวานในเด็กเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ภาวะสุขภาพที่สำคัญที่พ่อแม่ทุกคนควรรู้

โรคเบาหวานในเด็กเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ตระหนักรู้และการจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กๆ สามารถมีชีวิตที่แข็งแรงและสมบูรณ์ พ่อแม่ ผู้ดูแลและครู มีบทบาทสำคัญในการตรวจพบอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและให้การสนับสนุนเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคนี้ โรคเบาหวานในเด็ก เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างเพียงพอ หรือร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นภาวะที่เซลล์ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินอย่างที่ควรจะเป็น โรคเบาหวานในเด็กมี 2 ชนิดหลักๆ ที่ควรรู้ ดังนี้

1. โรคเบาหวานชนิดที่ 1
สาเหตุ: เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินได้น้อยมากหรือไม่ได้เลย

ลักษณะเด่น: มักพบในเด็กและวัยรุ่นที่มีรูปร่างผอม การรักษาจำเป็นต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต
อาการ:
กระหายน้ำบ่อย ดื่มน้ำเยอะ
ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ โดยเฉพาะเวลากลางคืน หรืออาจปัสสาวะรดที่นอนทั้งที่เคยควบคุมได้แล้ว
หิวบ่อย กินจุ
น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่กินอาหารในปริมาณมาก
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
บาดแผลหายช้า
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต

2. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus)
สาเหตุ: ร่างกายสร้างอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือเซลล์ในร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน รวมถึงการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
ลักษณะเด่น: พบมากขึ้นในเด็กไทยที่มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน มีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน
อาการ: คล้ายคลึงกับเบาหวานชนิดที่ 1 แต่ที่สังเกตได้ชัดคือ มีรอยดำหนาขรุขระคล้ายขี้ไคลที่บริเวณคอ รักแร้ หรือข้อพับ ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะดื้ออินซูลิน

การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยโรคเบาหวานในเด็กจากการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนี้:
การตรวจน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร (Fasting Plasma Glucose): หากมีค่า ≥126 มก./ดล. อย่างน้อย 2 ครั้ง
การตรวจน้ำตาลแบบสุ่ม (Random Plasma Glucose): หากมีค่า ≥200 มก./ดล. และมีอาการของโรคเบาหวานร่วมด้วย
การตรวจความทนต่อกลูโคส (Oral Glucose Tolerance Test): หากระดับน้ำตาลในเลือด 2 ชั่วโมงหลังดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม มีค่า ≥200 มก./ดล.

การดูแลและรักษา
การรักษาเบาหวานในเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งตัวเด็กเอง ผู้ปกครอง และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การควบคุมอาหาร: เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน เพิ่มผัก ผลไม้ และโปรตีน
การออกกำลังกาย: ให้เด็กมีกิจกรรมที่เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่ง เล่นกีฬา ว่ายน้ำ ลดการใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์

การใช้ยา:
เบาหวานชนิดที่ 1: จำเป็นต้องฉีดอินซูลินตามคำแนะนำของแพทย์ และผู้ปกครองควรเรียนรู้วิธีการฉีดที่ถูกต้องและสังเกตอาการภาวะน้ำตาลต่ำ
เบาหวานชนิดที่ 2: รักษาด้วยการปรับพฤติกรรม ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย อาจมีการใช้ยาร่วมด้วย และในบางรายอาจต้องฉีดอินซูลิน
การตรวจวัดระดับน้ำตาล: ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเองเป็นประจำ เพื่อให้ควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
หากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เด็กอาจมีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้เมื่อโตขึ้น เช่น โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา, ภาวะผิวหนังติดเชื้อ, และโรคหัวใจและหลอดเลือด

การตรวจพบและรักษาโรคเบาหวานในเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ และการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้ปกครองและตัวเด็ก จะช่วยให้เด็กสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนในอนาคตได้