การตรวจสุขภาพในขณะที่ยังไม่ป่วย

การตรวจสุขภาพในขณะที่ยังไม่ป่วย

การตรวจสุขภาพในขณะที่ยังไม่ป่วย ไม่รู้ใครเป็นผู้บัญญัติศัพท์คำว่า “ตรวจสุขภาพประจำปี” ขึ้นมา เพราะนับตั้งแต่มีคำคำนี้ ดูเหมือนทุกคนที่ได้ยิน จะเข้าใจว่า “ประจำปี” คือ “ต้องตรวจเป็นประจำทุกปี” แถมกระแสโฆษณาจากสถานบริการภาคเอกชน ที่ชอบ “เรียกแขก” ด้วยแพคเกจที่ฟังดูแล้วเหมือนว่า ถ้าไม่ไปตายแหงแก๋! ถ้าไม่ตรวจมะเร็งมารอแน่ๆ !! ตรวจร่างกายได้บุญ 9 รายการ 9,999 ซื้อของขวัญให้ตัวเอง ให้พ่อแม่ ให้คนที่คุณรัก ด้วยการตรวจ 108 รายการ แค่สามหมื่นห้าเท่าน้านนนนน

บางคนรู้สึกว่า ชั้นทำหน้าที่ดูแลสุขภาพชั้นละนะ ปีละหน แค่รูดบัตรซื้อปั๊บ ก็รู้สึกเฮลท์ตี้ขึ้นมาทันที (TT” ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร!) จึงไม่แปลกที่โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (Health Intervention and Technology Assessment Program : HITAP) เปิดเผยข้อมูลว่า คนไทยจ่ายค่าตรวจสุขภาพมากกว่า 2,200 ล้านบาทต่อปี

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องจำเป็น เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสตรวจพบโรคที่เป็น “ภัยเงียบ” ขณะที่ร่างกายยังไม่มีอาการแสดงนั้น ทำให้เราสามารถดูแลรักษาได้ทันท่วงที ผลการรักษาก็จะดีตาม หรือรู้วิธีปฏิบัติตัวให้เหมาะสม เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้มากกว่า

แต่สิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับการตรวจสุขภาพ คือการตรวจแบบ “ยกเข่ง” ตามคำโฆษณาชวนเชื่อ เพราะสุขภาพของแต่ละคนนั้นมีปัญหาต่างกันออกไป เพียงแต่ควรตรวจตามความจำเป็นของแต่ละคน ขึ้นกับอายุ เพศ และโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย หรือในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค มีพฤติกรรมสุขภาพไม่เหมาะสม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

การตรวจสุขภาพในขณะที่ยังไม่ป่วย

การตรวจสุขภาพเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม จึงเป็นการตรวจที่เราควรรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าจะไปตรวจอะไรบ้าง เพราะการตรวจสุขภาพนั้นจะต้องซักประวัติ ซึ่งจะช่วยให้ค้นพบปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ขั้นตอนถัดไปคือการตรวจร่างกายและการตรวจแล็บ (ห้องปฏิบัติการ) เฉพาะที่จำเป็นและเหมาะสมในแต่ละเพศและช่วงอายุเท่านั้น

ปัญหาของประชาชนทุกวันนี้ก็คือ มักได้รับการ “จับตรวจ” จากสถานพยาบาลที่เน้นความสำคัญกับการตรวจแล็บมากกว่าการซักประวัติเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง อาจจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจ หรือคุณหมอไม่มีเวลาคุยด้วยมากนัก แต่นั่นก็ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจภาพรวมของ “การตรวจสุขภาพ” ว่าหมายถึง “การเจาะเลือดไปตรวจ” ทำให้มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่า การตรวจสุขภาพคือการตรวจหาโรคโดยตรวจแล็บเป็นหลัก และจบลงที่แจ้งผลจากหมอเท่านั้น

ในความเป็นจริงการตรวจสุขภาพที่ถูกต้องนั้น “ไม่ใช่การตรวจเพื่อมุ่งค้นหาว่าป่วยเป็นโรคอะไร” แต่ต้องเป็น “การตรวจในขณะที่ยังไม่ป่วยเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงความเป็นไปได้ว่าอาจป่วยด้วยโรคอะไร และมีการแนะนำเพื่อปรับพฤติกรรมจากปัจจัยเสี่ยงนั้น” ผู้รับการตรวจจะได้รับแนะนำให้มีการดูแลสุขภาพ ปรับพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อโรค ได้ถูกต้องต่อไป

การตรวจสุขภาพที่ไม่เหมาะสมและเกินจำเป็น หลายโรคสามารถใช้วิธีการซักประวัติผู้ป่วยโดยไม่จำเป็นต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการ อย่างโรคมะเร็งลำไส้ ถ้าในคนที่ไม่มีประวัติการป่วยด้วยโรคนี้ในครอบครัว ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจก่อนอายุ 50 ปี แถมบางรายยังไม่ทันได้ซักประวัติถามถึงอาการ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร ก็ข้ามขั้นตอน ส่งไปตรวจโดยใช้วิธีส่องกล้องเลย

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่เครื่องมือที่ใช้ตรวจก็ไม่ได้ให้ผลแม่นยำร้อยเปอร์­เซ็นต์อีกด้วย ซึ่งผลการตรวจที่ออกมานั้น หากตรวจแล้วพบ “ผลลบลวง” ก็จะทำให้ผู้ถูกตรวจชะล่าใจและไม่ปรับพฤติกรรมที่เสี่­ยงต่อการเกิดโรค ยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอีก หรือกรณีที่ตรวจแล้วได้ “ผลบวกลวง” ก็ต้องเจ็บตัว เพราะต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก อีกทั้งการตรวจเพิ่มเติมบางอย่างเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และภาวะแทรกซ้อนจากการทำหัตถการด้วย