ข้อควรรู้ เมื่อซื้อประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ประกันสุขภาพผู้สูงอายุคงเป็นเรื่องน่าปวดหัวของใครๆ หลายท่าน ไม่ว่าจะทำให้ผู้สูงอายุในบ้าน หรือทำให้ตัวคุณเองในอนาคต เนื่องจากเงื่อนไขที่ซับซ้อนเเละเข้าใจยาก ต่างจากการทำประกันสุขภาพหรืออุบัติเหตุ ที่ข้อมูลเข้าใจง่ายเเละครบถ้วน ซึ่งความสับสนนี้อาจเกิดจากเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกันระหว่างประกันสุขภาพเเละอุบัติเหตุ เเตกต่างเพียงช่วงอายุเเละการคุ้มครองที่ทำให้หลายท่านสับสน คุณจึงไม่ทราบว่าประกันเเบบไหนดีที่สุดเเละเหมาะกับตัวคุณเเละคนในครอบครัวบ้าง
1. เงื่อนไขประกันสุขภาพผู้สูงอายุ
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าประกันสุขภาพผู้สูงอายุมีเงื่อนไขอะไรบ้าง เพราะหลายท่านสับสนระหว่างประกันสุขภาพเเละอุบัติเหตุ
เงื่อนไขประกันสุขภาพผู้สูงอายุคือ
ทำได้ช่วงอายุ 50-70 ปี
ไม่ต้องตรวจและตอบคำถามสุขภาพ
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุจะทำได้ช่วงอายุ 50 ปี – 70 ปี ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลานี้เเสดงว่าเป็นประกันประเภทอื่น เช่น ประกันชีวิตที่คุณครองถึงช่วง 70 ปี ด้วยเวลาที่คาบเกี่ยวกันทำให้เกิดความสับสน
เงื่อนไขการจ่ายเงินประกันสุขภาพผู้สูงอายุ
จ่ายเฉพาะกรณีเสียชีวิตเท่านั้น
ถ้าเสียชีวิตภายใน 2 ปี ตั้งแต่วันที่อนุมัติในกรมธรรม์ จะจ่ายเนื่องจาก 2 สาเหตุดังนี้
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เงินที่จะได้รับคือเงินเอาประกันเต็มจำนวนรวมเบี้ยที่คุณจ่ายไปทั้งหมดคืนเเละเงินอีก 2 – 5% ของเบี้ยที่จ่ายไป
เสียชีวิตจากโรค เงินที่จะได้รับคือเบี้ยที่คุณจ่ายไปทั้งหมดคืนเเละเงินอีก 2 – 5%
(ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกัน)
ถ้าเสียชีวิตหลัง 2 ปี ตั้งแต่วันที่กรมธรรม์เริ่ม บริษัทประกันจะจ่ายเงินเอาประกันเต็มจำนวน ทุกกรณี
2. เป้าหมายในการทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุ
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุเเบบไหนดีที่สุดขึ้นอยู่กับเป้าหมายการทำประกันผู้สูงอายุของคุณ ว่าอยากได้สิทธิประโยชน์ด้านไหนมากที่สุด โดยประกันผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะจำเเนกตามเป้าหมายได้ดังนี้
เเบบเน้นความคุ้มครอง
คุณคงไม่ทราบอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมักมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ การเลือกประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่จะเข้ามามอบความอุ่นใจต่อเหตุการณ์ในอนาคต คงเป็นสิ่งที่คุณมุ่งหวังมากที่สุด
ความคุ้มครองจึงเเบ่งได้ 2 กรณีคือ
จ่ายเฉพาะกรณีเสียชีวิต โดยทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชย
เงินค่ารักษาเมื่อผู้สูงอายุเข้าโรงพยาบาล ซึ่งกรณีนี้เกิดจากมีประกันสุขภาพหรืออุบัติเหตุเป็นสัญญาเพิ่มเติม
แบบสะสมทรัพย์
ถึงเเม้ประกันสุขภาพผู้สูงอายุจะจ่ายเงินประกันเมื่อเกิดจากการเสียชีวิตก็ตาม เเต่ก็มีหลายบริษัทประกันที่จะให้เงินปันผลคืน หรือถ้าเกิดการเสียชีวิตภายใต้ข้อกำหนดก็จะมีเงินก้อนเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อด้วย ประกันผู้สูงอายุเเบบนี้จึงเรียกว่า ประกันผู้สูงอายุเเบบสะสมทรัพย์ เพราะจะได้เงินคืน ตามสัญญาที่ได้กำหนดไว้ เช่น 5 ปี 10 ปี หรือถ้าเมื่อครบการทำสัญญาเเล้วเเต่ผู้สูงอายุยังเเข็งเเรงดี ไม่ได้เสียชีวิต ยังมีเงินคืนเมื่อครบสัญญาเช่นกัน จึงเป็นอีกวิธีสำหรับการออมให้ผู้สูงอายุ
3. วงเงินเอาประกัน
วงเงินเอาประกันคือเงินที่บริษัทประกันมอบให้คุณ ซึ่งเงินจำนวนนี้จะสอดคล้องกับเบี้ยประกันที่คุณจะต้องจ่าย หากคุณจ่ายเยอะก็จะได้รับความคุ้มครองที่สูงเเละได้เงินเอาประกันสูงเมื่อเป็นไปตามข้อตกลง ปัจจุบันประกันผู้สูงอายุจะจ่ายคืนให้ในช่วงอายุปีตามสัญญา ซึ่งสิทธิประโยชน์นี้ขึ้นอยู่กับความพอใจเเละกำลังจ่ายของคุณว่าเต็มใจจะจ่ายเท่าไหร่
4. การลดหย่อนภาษี
ปัจจุบันประกันสุขภาพผู้สูงอายุสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้บ้างเเล้วโดยการลดหย่อนภาษีนี้ได้ทั้งตัวคุณเองทำประกันผู้สูงอายุให้พ่อเเม่ หรือพ่อเเม่ทำให้ตัวท่านเอง ถือเป็นการออมอีกช่องทางเช่นกัน ซึ่งประกันหลายบริษัทก็เลือกการลดหย่อนภาษีเป็นสิทธิประโยชน์หลัก
5. เงื่อนไขในรายละเอียด
อย่างที่ข้างต้นว่าประกันเเต่ละบริษัท มีเงื่อนไขที่เเตกต่างกันเเละมีเอกสารเเนบท้ายที่ต่างกันด้วย ฉะนั้นคุณจึงควรอ่านเอกสารให้ละเอียดครบถ้วน เพราะปัญหาเมื่อเกิดเหตุขึ้นคือคุณไม่ทราบว่าประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่มีอยู่ มีความคุ้มครองเรื่องไหนเเละคุณจะได้เเละไม่ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ฉะนั้นการอ่านเอกสารครบถ้วนก็เหมือนเกราะป้องกันปัญหาที่จะเกิดภายหลัง
ออมเพื่อเกษียณ
ไม่เพียงเเค่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่ทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุได้ เพราะตัวคุณเองก็สามารถสร้างความคุ้มครองถึงเม้ยังอายุไม่ถึง 50 ปีก็ตาม เพราะปัจจุบันประกันชีวิตได้เพิ่มอายุการคุ้มครองจนถึงอายุ 80 ปี ครอบคลุมทั้งชีวิต สุขภาพเเละอุบัติเหตุ ซึ่งกรุงศรีเองก็ได้สร้างประกันชีวิตที่คุ้มครองทั้งสุขภาพเเละอุบัติเหตุยาวนานถึง 70 ปี เเละยังมีเงินปันผลให้ด้วย เช่น ประกันสุขใจได้คืนคุ้ม ที่ให้เงินปันผลตั้งเเต่ปีเเรก หรือถ้าคุณอยากออมเพื่อเป็นเงินบำนาญเมื่อเกษียณ กรุงศรีก็มีประกันชีวิตกรุงศรีบำนาญไฮบริด พลัส ที่คุ้มครองยาวนานถึง 85 ปี ไม่ต้องตรวจหรือตอบปัญหาสุขภาพ ซึ่งการที่คุณจะมีความคุ้มครองที่ดีในช่วงอายุ 50 ปีหรือวัยเกษียณ คือการทำประกันตั้งเเต่เนิ่นๆ ช่วง 20 ต้นๆ เพราะจะทำให้คุณจ่ายเบี้ยประกันถูกลงเเละความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุด