ตัดแต่งเหงือก จำเป็นแค่ไหน ?

คงปฎิเสธไม่ได้ว่ารอยยิ้มสวย นอกจากจะสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นแล้วยังสร้างความมั่นใจให้กับคนที่สามารถยิ้มได้เต็มที่ ซึ่งบางคนยิ้มแล้วเห็นเหงือกเยอะทำให้เกิดความไม่มั่นใจในรอยยิ้มของตนเอง

ทำให้หันไปศัลยกรรมตัดแต่งเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวของตัวฟัน ซึ่งก่อนจะตัดสินใจทำอะไรแอดมินอยากให้เช็คว่าเราจำเป็นแค่ไหนกับการตัดแต่งเหงือก                                         

การตัดแต่งรูปร่างเหงือกมีความจำเป็นหรือไม่ ?

โดยส่วนใหญ่แล้วการตัดเหงือกจะไม่ใช่วิธีที่จำเป็นทางการแพทย์ แต่มักทำเพื่อความงามหรือปรับปรุงบุคลิกภาพ ทำให้แนวเหงือกที่ไม่เสมอกันดูเสมอกันเวลายิ้มเห็นเหงือกเยอะผิดปกติมีความสมดุลขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาดังกล่าวมีความมั่นใจมากขึ้น

สาเหตุของภาวะยิ้มเห็นเหงือกมากผิดปกติ

– ขอบเหงือกไม่สมมาตร หรือไม่กลมกลืนกัน เมื่อยิ้มแล้วเห็นเหงือกมากผิดปกติ

– ฟัน เหงือก และกระดูกกรามบนเจริญผิดปกติ

– กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยกริมฝีปากบนและยกมุมปากทำงานเกินปกติ (ยกตัวมากเกินไป)

– ตัวฟันสั้น หรือเล็กเกินไป

–  เหงือกเจริญลงมาคลุมคอฟันมากเกินไป

– ขากรรไกรมีความผิดปกติ

– ริมฝีปากบนสั้น มีลักษณะอยุ่กึ่งกลางปากสูงขึ้นไปกว่าบริเวณมุมปาก

-เกิดจากการจัดฟันแล้วเหงือกร่น หรือทำศัลยกรรม เช่น ตัดปากกระจับ ทำให้ยิ้มแล้วเห็นเหงือกเยอะ

-รับประทานยาบางชนิดแล้วส่งผลให้เหงือกบวมโต หรือเหงือกร่นได้

 

ประเภทของการศัลยกรรมเหงือก

  1. การผ่าตัดร่นแผ่นเหงือก หากร่องมีความลึกมากกว่า 5 มิลลิเมตร ปริทันตทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดประเภทนี้เพื่อลดขนาดร่องลึกปริทันต์ตามที่ระบุไว้ในข้อมูลผู้ป่วย ผู้ป่วยส่วนมากที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปริทันต์ระดับ กลางถึงรุนแรงจะได้รับการรักษาประเภทนี้ ปริทันตทันตแพทย์จะตัดเนื้อเยื่อของเหงือกเพื่อแยกเนื้อ เยื่อออกจากฟัน ทำความสะอาดอย่างล้ำลึกด้วยอุปกรณ์ขูดหินปูนแบบ อัลตร้าโซนิคและเครื่องมือขัดเพื่อขจัดหินปูนที่เกาะอยู่ ตามซอกฟัน คราบหินปูน และเมือกใต้ร่องออก
  2. การตัดเหงือก ศัลยกรรมประเภทนี้ทำเพื่อเอาเนื้อเยื่อเหงือกส่วนเกินที่ ออกเพื่อให้มีพื้นที่ในการทำความสะอาดฟันได้ดีขึ้น ปริทันตทันตแพทย์จะวางยาชาเนื้อเยื่อเหงือกของผู้ป่วย และขจัดเนื้อเยื่อเหงือกส่วนเกินออกจากปาก
  3. ศัลยกรรมตกแต่งเหงือก ศัลยกรรมเหงือกประเภทนี้เป็นการตกแต่งรูปร่างของ เหงือกที่แข็งแรงรอบๆ ฟันให้ดูสวยงามขึ้น หากบุคคลมีอาการฟันร่นหรือเหงือกถูกดันออกจากฟัน ก็สามารรักษาได้ด้วยวิธีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังสามารถใช้การปลูกถ่ายเหงือกในการรักษาได้โดยการนำเนื้อเยื่อของเพดานปาก มาเย็บติดด้านข้างของฟันที่ร่นทั้งสองข้าง

เดิมทีแพทย์จะทำการตัดแต่งเหงือก โดยใช้ใบมีดแต่ปัจจุบันการศัลยกรรมเหงือกโดยใช้เลเซอร์เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากสามารถทำได้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 2 นาทีต่อฟัน 1 ซี่ และสามารถห้ามเลือดได้ในตัว มักนิยมนำมาใช้ตัดแต่งเหงือกบริเวณฟันบนด้านหน้า หลังการรักษาอาจรู้สึกเจ็บและบวมเพียงเล็กน้อย

แม้ภายหลังการตัดเหงือกจะสังเกตได้ถึงผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่าง ชัดเจน คือ เหงือกเดิมที่เคยเห็นเด่นชัดจะมีขนาดเล็กสมดุลกับซี่ฟันและช่องปากได้มาก ยิ่งขึ้น ช่วยทำให้ฟันดูยาวสวยเป็นธรรมชาติภายในเวลาอันรวดเร็ว แบบไร้รอยแผลเย็บ ไม่มีเลือดไหลอาบและไม่ต้องปวดระบมไปทั้งปากเหมือนการทำฟันแบบอื่น ๆ จึงถือได้ว่าวิธีการตัดเหงือกนี้ถือเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและปลอดภัย แต่จะต้องมีทันตแพทย์เป็นผู้ดำเนินการรักษาและตรวจวิเคราะห์ตามความเหมาะสม ของแต่ละคนอีกด้วย

           วิธีการดูแลตัวเอง ภายหลังจากตัดแต่งเหงือก

ดูแลช่องปากและความสะอาดเป็นพิเศษ ในช่วง 1-3 วันแรก ให้ระวังการกระทบกระเทือนด้วยของแข็งบริเวณเหงือกและควรงดเว้นการแปรงฟันออก ไปก่อน แล้วใช้น้ำยาบ้วนปากชำระล้างเศษอาหารทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร  โดยระหว่างวันอาจใช้คัตตอนบัดชุบน้ำเช็ดเพิ่มด้วย อีกทั้งยังไม่ควรทานอาหารรสจัด เครื่องดื่มร้อนมากจนเกินไปอีกด้วย

นับเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยนะคะๆ เพราะนอกจากวิธีการตัดเหงือกด้วยเลเซอร์จะช่วยแก้ไขปัญหาความกังวลเรื่อง เหงือกใหญ่ให้หมดไปแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ คืนรอยยิ้มสวย ๆ ให้กลับคืนมาอีกด้วย

สรุปแล้วการตัดแต่งเหงือกไม่ได้มีความจำเป็นทางด้านการรักษาแต่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้มเท่านั้นเอง ที่สำคัญเมื่ออายุมากขึ้นแทบทุกคนจะมีอาการเหงือกร่น แต่จะให้ดีควรแก้ปัญหาให้ตรงจุด เช่น ขากรรไกรผิดรูปก็ควรผ่าตัดขากรรไกร แต่ค่าใช้จ่ายสูง  ดังนั้นต้องคิดให้ดีกับการตัดสินใจศัลยกรรมตกแต่งเหงือก  หากรับได้กับภาวะเหงือกร่นที่อาจเกิดขึ้น แต่ถ้าอยากจะทำเพื่อเพิ่มรอยยิ้มที่สวยงามให้กับตัวเองก็จัดไป..