สีของน้ำมูก สามารถบอกอะไรเราได้บ้าง? ถึงสุขภาพของคุณเอง

สุขภาพ รวมไปถึงการดูแลตนเองเป็นสิ่งที่จะต้องเอาใจใส่ อย่างใกล้ชิดไม่ควรที่จะมองข้ามเป็นอันเด็ดขาด แล้วยังคงเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมผสาน ของการดูแลร่างกายอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ ยิ่งมีส่วนจำเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังเกตตัวเอง หรือร่างกายของตนเอง โดยเฉพาะสีของน้ำมูกที่สามารถบ่งบอกอะไรแก่เราได้มากกว่า ที่คุณคิดอีกด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบ่งบอก ถึงโรคบางโรคได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียวอีกทั้ง ยังมีการระบุเพิ่มเติมจากทางการแพทย์ เรียกว่าสีของน้ำมูก สามารถที่จะบอกได้ว่าเรากำลังเกิดโรคบางชนิด แต่ไม่สามารถที่จะระบุได้ทุก โรคเพราะโรคที่เกิดจากน้ำมูกนั้นเป็นสารคัดหลั่งที่ออกมาจากจมูก เพื่อที่จะกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายที่ได้รับ เข้ามาจากการสูดอากาศภายนอกในระหว่างการหายใจ หากมีการติดเชื้อก็จะทำให้ผู้ผลิตออกมาได้มากกว่าปกตินั่นเอง

เข้าใจถึงลักษณะของน้ำมูก และปัญหาทางด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นได้

1.น้ํามูกสีใส

สำหรับน้ำมูกสีใสนั้น มีการบ่งบอกอย่างชัดเจนถึงความเป็นไปได้ว่า เกิดจากการเป็นหวัดภูมิแพ้หรือเกิดจากฝุ่นละออง และมีการติดเชื้อไวรัสที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะในการกำจัด และจัดการให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้อีกด้วย

 

2.น้ํามูกสีขาวหรือสีเทา

สำหรับน้ำมูก ที่มีลักษณะเป็นสีขาวหรือสีเทานั้น ส่วนใหญ่ก็เกิดจากการเป็นภูมิแพ้ ที่จมูกและเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส ที่เรียกได้ว่ามีปัญหาทางด้านโพรงจมูก 

 

3.น้ํามูกสีเหลืองหรือเขียว

สำหรับน้ำมูก ที่มีลักษณะเป็น สีเหลือง หรือ เขียว นั้นมีการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า อาจจะเกิดจากการติดเชื้อจากไวรัส หรือ แบคทีเรีย หรือเกิดอาการไซนัสอักเสบที่บริเวณโพรงจมูกได้ ให้สังเกตในจุดนี้จะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยได้อย่างแน่นอน 

 

4.น้ํามูกสีแดง

แน่นอนว่า อาจจะเกิดจากเส้นเลือดฝอย ในบริเวณจมูกแตกทำให้มีเลือดปนอยู่ และอาจจะเกิดจาก ภูมิแพ้ หรือ โรคภูมิแพ้ ด้วยเช่นเดียวกันที่เป็นปัญหา 

 

5.น้ํามูกสีดำ

หากเกิดน้ำมูกสีดำหรือขุ่นแบบที่มีฝุ่นผง อาจจะเกิดจากมลพิษที่หากดำสนิท ให้ระวังในเรื่องของเชื้อรา ด้วยเช่นเดียวกันที่จะมีส่วนสำคัญไม่น้อย 

 

สรุป

ถ้าเกิดปัญหาดังกล่าว หรือ น้ำมูก เป็นกลไกอย่างหนึ่งของการกำจัดสิ่งแปลกปลอม หากน้ำมูกมีสีที่ผิดปกติซึ่งส่วนใหญ่ ก็เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งไม่มีความจำเป็นจะต้องกินยาปฏิชีวนะหรือรวมไปถึงกรณีที่เลือดปนมาก หรือให้ความรู้สึกผิดปกติ ควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการโดยด่วน