หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า ทานแอปเปิ้ล วันละ 1 ลูกช่วยให้ห่างไกลหมอ แต่อยากรู้มั๊ยว่าสิ่งที่คุณได้ยินมาเป็นเพียงความเชื่อ หรือมีการพิสูจน์แล้ว แอดมินมีคำตอบ
แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่รู้จักและนิยมกินกันทั่วโลก ผลสีสดเปลือกมันเงา รูปทรงกลมแป้น มีรอยบุ๋มตรงขั้วและกันผล เนื้อทรายละเอียด แน่น กรอบ ฉ่ำน้ำ มีทั้งพันธุ์ผลสีเขียว สีเหลือง สีส้ม ไปจนถึงสีแดง เนื้อรสเปรี้ยวอมหวาน จนถึงหวานจัด
ในผลแอปเปิ้ล ประกอบด้วยน้ำตาลเชิงเดี่ยวชื่อว่า “ฟรักโทส” ปริมาณมาก ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานและนำไปใช้ได้ง่าย มีสารฟลาโวนอยด์ชนิดเคอร์ซิติน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ลดอาการอีกเสบ และป้องกันโรคมะเร็ง มีกรดมาลิก และกรดทาร์ทาลิก ช่วยย่อยอาหารไขมันสูง และมีวิตามินซีช่วยป้องกันหวัดและบำรุงผิวพรรณ
การดูแล สุขภาพดี ด้วยแอปเปิ้ล
จุดเด่นของแอปเปิ้ลที่คนรักสุขภาพชอบทานคือ มีเส้นใยอาหารซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอยู่สูง ส่งผลให้แอปเปิลเป็นผลไม้ที่มีดัชนีไกลซีมิกต่ำ นั่นคือจะปลดปล่อยพลังงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งขึ้นลงอย่างรวดเร็ว โดยเส้นใยอาหารในแอปเปิลก็มีทั้งชนิดละลายน้ำได้ อย่าง “เพกติน” ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อภายในระบบทางเดินอาหาร ร่างกายจึงขจัดของเสียและสารพิษออกมาได้เร็วและดี เป็นการทำความสะอาดลำไส้ ทำให้ป้องกันสารก่อมะเร็งในลำไส้ ลดคอเลสเตอรอลชนิดที่เป็นอันตรายต่อหลอดเลือด ส่วนเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำอย่าง เซลลูโลส จะช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน แถมยังมีแคลอรีต่ำ เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังศึกษาพบว่า กลิ่นหอมของแอปเปิลช่วยให้รู้สึกสงบผ่อนคลาย และความดันลดลงได้ในระดับหนึ่ง
สีของแอปเปิ้ลบ่งบอกอะไร ?
แอปเปิ้ลสีแดง
แอปเปิ้ลสีแดง เป็นแอปเปิ้ลที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในบรรดาแอปเปิ้ลสีต่างๆ โดยสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ ทำหน้าที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
แอปเปิ้ลสีชมพู
แอปเปิ้ลสีชมพูมีปริมาณของวิตามินซีมากถึง 1 ใน 4 ของปริมาณของวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน ซึ่งวิตามินซีนี้ก็มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และที่สำคัญแอปเปิ้ลสีชมพูยังมีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอปเปิ้ลสีต่างๆ ซึ่งสารตัวนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า และชะลอความเสื่อมของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
แอปเปิ้ลสีเหลือง
แอปเปิ้ลสีเหลืองมีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
แอปเปิ้ลสีเขียว
แอปเปิ้ลสีเขียว ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้สำหรับการลดน้ำหนักเลยทีเดียว เพราะแอปเปิ้ลสีเขียว มีปริมาณน้ำตาลน้อย นอกจากนี้เปลือกเขียวๆ ของแอปเปิ้ลเขียวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นใยอาหาร ที่ช่วยในเรื่องการขับถ่าย ทำให้ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยลดอาการหิวจากตื่นนอน มีสารต้านอนุมูลอิสระ อีกที้งมีเพคติน ที่ดักจับคอเลสเตอโรลและสารพิษรวมถึงสารก่อมะเร็งในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าแอปเปิ้ลจะเป็นผลไม้ที่ดีมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพก็จริง แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามในเรื่องของสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงด้วย ดังนั้นก่อนรับประทานควรล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อน และเมื่อทราบคุณประโยชน์ที่ดีของแอปเปิ้ลแบบนี้แล้ว เห็นทีต้องลองซื้อหาแอปเปิ้ลมาแช่ไว้ในตู้เย็น เพื่อหยิบรับประทานเป็นของว่างแทนขนมหวานกันบ้างแล้ว.
เทียบพลังงานของแอปเปิ้ลสีต่างๆ
แอปเปิ้ลแดง ให้พลังงาน 59 กิโลแคลอรี่
แอปเปิ้ลเขียว ให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี่
แอปเปิ้ลเหลือง ให้พลังงาน 57กิโลแคลอรี่
แอปเปิ้ลชมพู ให้พลังงาน 63 กิโลแคลอรี
ทานแอปเปิ้ลเวลาไหนดีที่สุด?
ในช่วงเช้าขณะท้องว่าง แอปเปิ้ลจะช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย เนื่องจากแอปเปิ้ลมีสารเซลลูโลสช่วยดูดซึมสารพิษในร่างกาย ช่วยไม่ให้เกิดอาการท้องร่วงและไม่ให้ท้องผูก และในแอปเปิ้ลยังมีน้ำตาล เพื่อเพิ่มพลังงานที่ดีให้กับร่างกาย นอกจากนี้แอปเปิ้ลยัง สามารถรักษาสุขภาพของช่องปากได้อีกด้วย หากค่อยๆกินแอปเปิ้ล1ลูก ในเวลาประมาณ 15 นาที กรดในแอปเปิ้ลจะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ ทานแอปเปิ้ล 1 ผลหรือน้ำแอปเปิ้ล 1 แก้ว ตอนเช้าจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเลยค่ะ
การกินแอปเปิลสดทั้งเปลือกจะได้รับคุณค่าสารอาหารมากกว่า โดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์จะมีมากที่สุดบริเวณเปลือกและใต้ผิวเปลือก ส่วนเพกตินก็มีมากที่เปลือกเช่นกัน เพียงแต่ต้องล้างให้สะอาดก่อนกินและควรกินทันทีที่ซื้อมา หรือหากจำเป็นต้องเก็บไว้ ก็ควรเก็บในตู้เย็น เพราะแม้ว่าเปลือกจะสามารถรักษาความชื้นของเนื้อในไว้ได้ แต่วิตามินและเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ก็จะสูญสลายไปอย่างรวดเร็วหากเก็บไม่ถูกวิธี
แต่ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ไม่ควรกินแอปเปิ้ลขณะท้องว่าง เนื่องจากแอปเปิ้ลมีกรดมัลลิก วิตามินซีและกรดซิตริก หากรับประทานในจำนวนมาก ขณะท้องว่างจะทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะอาหาร
สรุปคือทานแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ช่วยให้คุณห่างไกลหมอคือเรื่องจริงที่ไม่ใช่แค่เขาเล่าว่า ดังนั้นเมื่อรู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมหาซื้อแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ประจำบ้านกันนะคะ