สุขภาพ : ฝึกทำสมาธิช่วยให้คลื่นสมองไม่ยุ่งเหยิง สมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีภูมิต้านทานโรคที่มีประสิทธิภาพ มีผลงานวิจัยในต่างประเทศระบุว่า การทำสมาธิจัดเป็นยาอายุวัฒนะที่อยู่ใกล้ตัวของแต่ละบุคคล เนื่องจากจะส่งผลให้สุขภาพกายและสุขภาพใจดี ทำให้ใจอยู่ในอารมณ์สงบ ร่างกายจะได้รับการพักผ่อนไปด้วย และจะทำให้บุคคลนั้นใจเย็นขึ้นมีความมั่นคงทางใจ จิตใจเข้มแข็งไม่ถูกกระทบได้ง่าย เผชิญกับปัญหาโดยใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
การฝึกสมาธิและการนั่งสมาธิ ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกปฏิบัติที่ใช้ความตั้งมั่น จดจ่อ แน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แต่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ช่วยผ่อนคลายความเครียด เพิ่มประสิทธิภาพการทำสิ่งต่างๆ ตลอดจนบรรเทาโรคให้ดีขึ้น รวมไปถึงยังช่วยชะลอวัยได้อีกด้วย
ผู้ที่ฝึกสมาธิจะมีอายุเซลล์เด็กกว่าอายุจริงถึง 12 ปี
กระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการชะลอชรา เช่น
– เมลาโทนิน ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการนอนหลับและสารต้านอนุมูลอิสระได้ถึง 98-300%
– DHEA ซึ่งเป็นฮอร์โมนต้านริ้วรอยได้ถึง 44-90%
– ลดการผลิตคอร์ติซอล ฮอร์โมนเครียดที่ทำให้ชั้นผิวบางลงและอักเสบเรื้อรังได้ถึง 47%
– เพิ่มการทำงานของเอรไซม์เทโลเมอเรสถึง 33% ช่วยสร้างและเพิ่มความยาวของเทโลเมียร์ ยิ่งยาว ยิ่งดูอ่อนเยาว์
“ประการสำคัญผลการวิจัยยังพบว่าการทำสมาธิ ยังทำให้อัตราการใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญพลังงานในร่างกายลดลงร้อยละ 17 อัตราการเต้นของหัวใจลดลงนาทีละ 3 ครั้ง แสดงว่าหัวใจจะแข็งแรง ลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูงช่วยให้ร่างกายเสื่อมน้อยลง ทำให้หน้าตาของผู้ทำสมาธิอ่อนกว่าวัยอิ่มเอิบ อายุขัยจะยืนยาว ไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมช่วยแต่อย่างใด”
สำหรับในกลุ่มผู้ที่ทำงานประจำ และนักเรียนนักศึกษา หากฝึกทำสมาธิเป็นประจำ จะทำให้อารมณ์เย็นสมองแจ่มใส มีผลดีต่อการเรียน โดยพบว่านักศึกษาร้อยละ 62 ตั้งใจเรียนมาก ร้อยละ 31 รักการเรียนมากขึ้นและร้อยละ 65 เห็นว่าการฝึกสมาธิมีประโยชน์กับการเรียนทำให้ความจำดีขึ้น ทำงานคล่องแคล่วขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการทำงานดีขึ้น ส่วนในกลุ่มของผู้ที่ป่วยแล้ว เช่น โรคความดันโลหิตสูง มีผลการศึกษาการรักษาผู้ป่วยโรคดังกล่าวด้วยวิธีต่างๆแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกรักษาด้วยวิธีทำสมาธิกลุ่ม 2 รักษาด้วยวิธีการผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและพักผ่อน และกลุ่ม 3 รักษาด้วยการออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ ลดความอ้วน จำกัดแอลกอฮอล์ ให้ปฏิบัติเป็นเวลา 3 เดือน จากการประเมินผลพบว่าผู้ป่วยที่รักษาด้วยการทำสมาธิระดับความดันโลหิต ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 7 กลุ่มที่ 2ลดได้ร้อยละ 3 ส่วนกลุ่มที่ 3 ไม่ลดเลย ขณะนี้วงการแพทย์ต่างประเทศ ได้นำสมาธิรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังในโรงพยาบาลและผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพื่อลดความเครียดหรือความวิตกกังวล
ทั้งนี้ การทำสมาธิสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา การฝึกมีหลายวิธี เช่น การนั่งภาวนา การฝึกเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ฯลฯ โดยเลือกสถานที่ที่เรารู้สึกผ่อนคลาย อุณหภูมิในห้องสบายๆไม่ร้อนไม่หนาวเกินไปโดยสวมเสื้อผ้าที่สบาย อาจจะนั่งเก้าอี้หรือนั่งขัดสมาธิก็ได้ หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ นับ 123 ไปเรื่อยๆเริ่มจากวันละ 5 นาที เพิ่มเป็น 10 นาทีในวันต่อไป และเพิ่มเป็น 15 นาทีขึ้นไปเรื่อย ๆ และควรทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน