สุขภาพ : ฟักทองบำรุงสมอง ชะลอดวงตาเสื่อม การเสื่อมของดวงตาไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้นหากแต่พบได้ทุกเพศทุกวัย เนื่องจากการใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์เป็นเวลานานๆ ของคนยุคนี้ อาหารที่ช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี อยู่ที่ไหน ไม่ว่าเมืองไทยหรือต่างประเทศก็หากินได้ง่ายราคาถูกก็คือ ฟักทอง
“ผัก” ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการประกอบอาหารแต่ละมื้อ ซึ่งหากเราสามารถปลูกผักรับประทานเองได้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะ แถมทำให้เรามีผักที่สดสะอาด ปลอดสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อีกด้วย โดย “ฟักทอง” นับเป็นผักสวนครัวสารพัดประโยชน์ สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาว หวาน และใช้ได้เกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นผล ยอดอ่อน และ เมล็ด จึงไม่แปลกที่”ฟังทอง”จะเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน
ผลฟักทองให้วิตามินเอสูงมาก ฟักทอง 100 กรัมจะให้วิตามินเอสูงถึง 7,384 ไอยู (International unit) วิตามินเอ นอกจากจะดีต่อผิวพรรณแล้ว ยังช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น และป้องกันเยื่อบุตาแห้ง ผลฟักทองมีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตา คือ สารลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoids)
สารลูทีนจะพบมากบริเวณจอรับภาพของจอประสาทตาและเรตินาหรือจอตา โดยจะทำหน้าที่กรองแสงที่เป็นอันตรายต่อดวงตา เช่น แสงแดด แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และสมาร์ตโฟนซึ่งมีผลทำให้จอประสาทตาเสื่อม
นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของดวงตา ป้องกันโรคที่เกิดจากโรคต้อกระจก โรคจอประสาทตาเสื่อม และทำให้การมองเห็นดีขึ้น การกินฟักทองเป็นประจำจึงเป็นการบำรุงรักษาสายตาอย่างดียิ่ง
ทั้งนี้ คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณของฟักทอง มีมากมาย เป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง โดยที่เนื้อสีเหลืองๆนั้นมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี และแป้ง นอกจากนี้ยังมีเบตาแคโรทีนในปริมาณสูงที่ ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง มีสารกรดโปรไพโอนิกซึ่ง่ช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนตัวลง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเบาหวาสน โรคความดันโลหิต บำรุงตับและไต นอกจากนี้ เปลือกของฟักทองจะช่วยควบคุมสมดุลร่างกาย โดยช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่หมดอายุ ช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ
ยอดของฟักทอง รวมถึงใบอ่อน มีวิตามิน เอ ฟอสฟอรัส แคลเซียมสูง ช่วยบำรุงสายตากระดูก และมีกากใยสูง ช่วยในการขับถ่ายนอกจากนี้ เมล็ดของฟักทองนั้นประกอบไปด้วยไขมัน แป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีน และวิตามิน มีสารช่วยฆ่าพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่ข้อควรระวังในการรับประทานฟักทองก็คือเนื่อจากฟักทองมีฤทธิ์อุ่นดังนั้นคนที่กระเพาะร้อนคือมีอาการกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือ ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้ หรือแม้แต่ในคนปกติ การทานฟักทองมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้เช่นกัน