สุขภาพ : รู้สาเหตุ ตะคริวกินตอนกลางคืน ตะคริว คืออาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยไม่สามารถบังคับได้ การเป็นตะคริวอาจจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อส่วนใดของร่างกายก็ได้ ในบางรายอาจมีอาการตะคริวที่ขา ในขณะนอนหลับตอนกลางคืนจนสะดุ้งตื่น หรือที่เรียกว่า ตะคริวกลางคืน (Nocturnal Leg Cramps) ซึ่งมักเกิดกับกล้ามเนื้อขาและพบได้บ่อยในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริว แต่พบว่าบางรายอาจสัมพันธ์กับการที่นั่งอยู่เป็นเวลานานๆ หรือมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป หรือการยืนหรือทำงานบนพื้นแข็ง เช่น คอนกรีตเป็นเวลานาน หรือนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น นอกจากนี้พบว่าอาการตะคริวอาจสัมพันธ์กับภาวะต่างๆ ได้แก่ การตั้งครรภ์ ภาวะขาดน้ำ กลุ่มโรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โรคต่อมไร้ท่อ หรือการรับประทานยาบางประเภท เช่น ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น หากเกิดขึ้นบ่อยหรือรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไป
หากไม่อยากเป็นตะคริวตอนกลางคืนหรือขณะนอนหลับ ควรนอนในท่าที่สบายผ่อนคลาย ใช้หมอนรองขาให้สูงจากเตียงประมาณ 10 เซนติเมตร ห่มผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมทั้งดื่มนมก่อนนอนเพื่อเพิ่มแคลเซียมและหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นตะคริวขณะนอนหลับ สามารถดูแลให้ดีขึ้นได้โดย
1. ยืดกล้ามเนื้อขา ยืดขาให้ตรง
2. กระดกปลายเท้าขึ้นค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
3. นวดกล้ามเนื้อขาเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้น
ทางที่ดีการเตรียมความพร้อมของร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ถือว่าเป็นความไม่ประมาท ซึ่งทำได้หลายวิธี ในที่นี้จะแนะนำให้เห็นประโยชน์ของการบริโภคผัก ผลไม้ กลุ่มที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มเกลือแร่ให้ร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการตะคริวได้อีกทางหนึ่ง ได้แก่ กลุ่มสมุนไพรที่มีสารโพแทสเซียม แมกนีเซียมและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ มะเขือเทศ ส้ม แคนตาลูป รวมถึงผักต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยเสริมเกลือแร่ให้เพียงพอ ลดความเสี่ยงต่อการจมน้ำเสียชีวิตในหน้าร้อนได้ และเมื่อเกิดอาการตะคริวการช่วยเหลือในเบื้องต้น คือ การยืดเหยียดบริเวณที่ปวดเป็นก้อนที่เกิดจากกล้ามเนื้อ หดเกร็ง โดยใช้น้ำมันไพลหรือสมุนไพรฤทธิ์ร้อนซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันไพลแบบที่ใช้ง่าย สะดวก รูปแบบสเปรย์ฉีดพ่น นวดเบาๆ จะช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ดี
การรับประทานผลไม้ดังกล่าวให้ได้ผลดี ควรเลือกรับประทาน “กล้วยน้ำว้าห่าม” ที่มีรสฝาดออกหวาน จะช่วยบำรุงร่างกาย เนื่องจากกล้วยห่ามมีแคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียมสูง สรรพคุณช่วยชดเชยโพแทสเซียมแก่ร่างกายมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อกล้วยเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงซึ่งจะถูกย่อยและดูดซึมได้อย่างรวดเร็วช่วยเพิ่มกากใยที่ช่วยในการขับถ่ายรวมทั้งเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้จึงควรรับประทานกล้วย วันละ 2-4 ผล เพื่อป้องกันภาวะขาดเกลือแร่จนเป็นสาเหตุของตะคริว ไม่แนะนำในกลุ่มป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งอาจต้องควบคุมปริมาณการรับประทานตามแพทย์สั่ง