“หลอดเลือดแดงใหญ่” กับโรคอันตรายควรระวังที่เสี่ยงถึงชีวิต

“หลอดเลือดแดงใหญ่” กับโรคอันตรายควรระวังที่เสี่ยงถึงชีวิต

“หลอดเลือดแดงใหญ่” กับโรคอันตรายควรระวังที่เสี่ยงถึงชีวิต หลอดเลือดแดงใหญ่ เป็นหลอดเลือดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่เกิดปัญหา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมของผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดพองขยายจนมีขนาดใหญ่กว่าปกติ การสูบบุหรี่ เป็นต้น ที่สำคัญคือไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า การหมั่นพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงแต่เนิ่นๆ ถือเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด

“หลอดเลือดแดงใหญ่” กับโรคอันตรายควรระวังที่เสี่ยงถึงชีวิต

โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
ที่พบได้บ่อยคือ โรคหลอดเลือดแดงโป่งพองในช่องท้อง โดยมากมักเป็นคนไข้สูงอายุ เพศชาย อายุเกินกว่า 65 ปีขึ้นไป มีประวัติสูบบุหรี่ คนในครอบครัวเคยเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง

จริงๆ แล้วโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในช่องท้องเท่านั้น แต่เกิดกับหลอดเลือดแดงใหญ่ได้ทั้งร่างกาย เพียงแต่โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องท้อง เป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อย เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่เลือดวิ่งจากหัวใจลงมาเป็นเส้นตรง จนมาถึงทางแยกของหลอดเลือดบริเวณช่องท้อง ซึ่งเป็นจุดไหลเวียนของเลือดมีการกระทบกันในบริเวณนี้ ทำให้เป็นจุดที่มีโอกาสโป่งพองของหลอดเลือดได้บ่อย

นอกจากนี้ยังมี โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องอก ในกรณีนี้หากหลอดเลือดโป่งพองจนแตกคนไข้มีโอกาสเสียชีวิตได้อย่างเฉียบพลันก่อนถึงโรงพยาบาล ซึ่งคิดเป็นจำนวนเกินกว่า 90%

โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองมักไม่ค่อยแสดงอาการถึง 80% อาจมีเพียงแค่ 20% ที่แสดงอาการ

อาการของโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง

ที่พบได้บ่อยที่ต้องมาพบแพทย์คือ ปวดท้อง (กรณีหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องท้อง) แพทย์จะดำเนินการตรวจวินิจฉัยสาเหตุของการเกิดโรค เพราะอาการในช่องท้องอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุและอาการมีลักษณะไม่เฉพาะเจาะจง คนไข้มักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ อาจตรวจพบโดยบังเอิญ เช่น มาตรวจสุขภาพ

ทั้งนี้ หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นที่พบโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ยังโป่งพองไม่มาก อัตราเสียชีวิตในระหว่างผ่าตัดจะมีเพียงแค่ 1-3% ยิ่งรู้เร็วและรีบรักษาอัตราการรอดชีวิตก็จะสูงตามไปด้วย

กลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง

ผนังหลอดเลือดที่เสื่อมอาจมีปัจจัยเกี่ยวข้องที่สำคัญคือ อายุ เพศ โดยเพศชายมีโอกาสหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองได้มากกว่าเพศหญิงคิดเป็นอัตราส่วน 4:1 ถือเป็นปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้

ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง

สาเหตุที่มาจากโรคร่วม เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ถ้าคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีหลอดเลือดก็จะยิ่งเสื่อมเร็ว หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบ ร่วมถึงโรคทางพันธุกรรมต่างๆ ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองได้ อายุ 30-40 ปีก็สามารถมาตรวจร่างกายในรพ.ที่มีความพร้อมของแพทย์และเทคโนโลยีการตรวจรักษาเพื่อค้นหาความเสี่ยง

“หลอดเลือดแดงใหญ่” กับโรคอันตรายควรระวังที่เสี่ยงถึงชีวิต

โรคหลอดเลือดแดงใหญ่แตกเซาะ
เนื่องจากผนังของหลอดเลือดแดงที่มีลักษณะเหมือนท่อน้ำ ประกอบด้วยชั้นผนังหลอดเลือด 3 ชั้น คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง มีโอกาสเกิดผนังของเส้นเลือดบางส่วนแตกได้ แทนที่เลือดจะไหลเวียนตามท่อปกติ แต่เมื่อหลอดเลือดถูกเซาะจนเกิดการฉีกขาดของผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไม่ไหลเวียนตามปกติ

หากเกิดกับหลอดเลือดที่ต้องไหลเวียนไปเลี้ยงสมอง เกิดการแตกเซาะไปเรื่อยๆ มีโอกาสไปเบียดการไหลเวียนของหลอดเลือดปกติ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ อาจเกิดภาวะสมองตาย หรือหากเป็นหลอดเลือดหัวใจก็อันตรายเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าหลอดเลือดเกิดการแตกเซาะของหลอดเลือดบริเวณไหน

อาการ และรักษาของโรคหลอดเลือดแดงใหญ่แตกเซาะ

อาการสำคัญของโรคหลอดเลือดเซาะฉีก คือ เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง เจ็บร้าวไปถึงด้านหลัง

วิธีการรักษาของทั้งสองโรคคือ “การผ่าตัด” โดยมีเทคนิคในการผ่าตัดรักษาที่แตกต่างกัน ประกอบด้วย

การผ่าตัดแบบเปิดผ่านทางช่องอกหรือช่องท้อง ขึ้นกับตำแหน่งพยาธิสภาพของหลอดเลือด เพื่อใส่หลอดเลือดเทียมทดแทน
การผ่าตัดด้วยวิธีการใส่หลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวด ผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ขาแบบแผลเล็ก มีขนาด 3-4 ซม. เหมาะกับคนไข้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หรือมีโรคแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคปอด มีประวัติการผ่าตัดในช่องท้องหรือช่องอกมาก่อนหลายครั้งหรือเป็นโรคหัวใจร่วมด้วย
การป้องกันโรคต่างๆ ของหลอดเลือดแดงใหญ่

การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ คนที่มีโรคประจำตัวควรควบคุมให้ดี เช่น ระดับน้ำตาลในโรคเบาหวาน ควบคุมความดันโลหิต รับประทานยาควบคุมระดับไขมันในเลือดอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยไม่ให้หลอดเลือดเสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น คนที่สูบบุหรี่หากสามารถหยุดสูบได้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ได้

ในกรณีที่รู้ตัวเองว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจร่างกายแต่เนิ่นๆ และแจ้งให้แพทย์ทราบว่าเรามีความเสี่ยงเพื่อจะได้เข้ารับการตรวจสกรีนนิ่ง (Screening) ตั้งแต่เริ่มต้น เช่น การทำอัลตราซาวนด์ในช่องท้อง หรือการทำ CT Scan ในกรณีที่มีความเสี่ยงของหลอดเลือดโป่งพองในช่องอก หรือในคนไข้ที่มีอาการเจ็บหน้าอก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาได้ทันท่วงที