เพราะอะไรถึงควรมีประกันสุขภาพ และควรเลือกประเภทประกันแบบไหนดี สำหรับหลายๆ ท่านแล้วการพูดถึงเรื่องเจ็บป่วยอาจเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดถึงนัก ประกันจึงกลายเป็นหัวข้อที่หลายท่านหลีกเลี่ยง แต่จริงๆ แล้วการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณผ่านพ้นโรคภัยไข้เจ็บไปได้ ประกันสุขภาพจึงเปรียบเสมือนแผนป้องกันชั้นดีเมื่อคุณมีโรคภัยไข้เจ็บมาเยือน
นอกจากแบบประกันว่าคุ้มครองด้านไหนแล้ว ยังมีเรื่องการจ่ายเบี้ยประกันที่หลายๆ ท่านกังวลว่าจ่ายเบี้ยไปจะเสียเปล่าหากไม่ได้ใช้ประกันเลย แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าการตัดสินใจซื้อประกันก็เป็นเสมือนการวางแผนล่วงหน้า ดังนั้นหากคุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสม ตรงตามเป้าหมายและความต้องการ ก็ย่อมมีประโยชน์คุ้มค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย เพราะฉะนั้นอย่าลืมอ่านกรมธรรม์และเงื่อนไขต่างๆ ให้เข้าใจดีก่อนซื้อนะคะ
การซื้อประกันไม่จำเป็นต้องซื้อหมดทุกแบบเพราะประกันแต่ละแบบก็เหมาะสำหรับจุดประสงค์ที่ต่างกันไป เลือกแบบที่เหมาะกับคุณที่สุด โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงิน สุขภาพโดยรวม และภาระทางครอบครัว การมีประกันจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าหากคุณเจ็บป่วยขึ้นมา ประกันที่คุณตัดสินใจซื้อจะเป็นตัวช่วยชั้นดี นอกจากนี้หากมีครอบครัว ประกันจะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินไปได้มาก
ก่อนจะซื้อประกันควรจะคำนึงถึงอะไรบ้าง
การซื้อประกันนั้นไม่ยากอย่างที่คิด แต่หากคุณไม่มั่นใจเรามีหลักการง่ายๆ ให้ลองพิจารณาดูก่อนค่ะ
ทบทวนตัวเอง: ลองทบทวนตัวเองดูก่อนว่าประกันแบบไหนจะเหมาะกับเราที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงบที่จะซื้อ ความคุ้มครองว่าคุ้มครองด้านไหนบ้าง ภาระด้านครอบครัว และสุขภาพโดยรวม
เลือกหาตัวแทนหรือบริษัทประกันที่ไว้ใจได้: การหาบริษัทประกันที่ไว้ใจได้และมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอย่าลืมว่าหากคุณ ควรจะลองทำการศึกษาเกี่ยวกับตัวแทนหรือบริษัทประกันนั้นๆ ไว้
แบบประกันแบบไหนที่ตรงใจเรา: ประกันสุขภาพนั้นมีหลากหลายแบบ ดังนั้นหากคุณทบทวนถึงสถานภาพทางการเงินและสุขภาพองค์รวมแล้วคุณสามารถลองดุแบบประกันได้ว่าแบบไหนเหมาะสุด
อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ในกรมธรรม์ก่อนซื้อ: หลายๆ ครั้งที่ผู้ซื้อประกันไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีก่อนซื้อจึงเกิดปัญหาเรื่องการคุ้มครองในภายหลัง เช่น กรมธรรม์ระบุระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง 30 วัน นับจากวันทำสัญญา ดังนั้น หากเจ็บป่วย แม้แพทย์วินิจฉัยให้นอนรักษาในโรงพยาบาล แต่เกิดภายในช่วง 30 วัน นับจากวันทำสัญญา ก็ยังไม่สามารถเคลมประกันได้ นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขเกี่ยวกับ “โรคร้ายแรง” ที่ระบุในกรมธรรม์ด้วยว่า โรคร้ายแรงที่คุ้มครองหมายถึงโรคอะไรบ้าง แต่ละโรคต้องมีอาการหรือขั้นของโรคนั้น ๆ อย่างไร ประกันบางแบบจะระบุในรายละเอียดว่า โรคมะเร็งที่จะเคลมได้นั้นต้องเป็นมะเร็งในระยะลุกลามเท่านั้น ดังนั้นหากตรวจเจอเซลล์มะเร็งหรือเป็นมะเร็งระยะไม่ลุกลามก็ยังเคลมไม่ได้ เป็นต้น เงื่อนไขเหล่านี้คุณควรศึกษาหรือปรึกษาตัวแทนประกันก่อนตัดสินใจทำประกัน หรือศึกษาให้ดีเมื่อได้รับกรมธรรม์ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะขอยกเลิกกรมธรรม์ที่เพิ่งทำได้ ภายใน 15 วันนับตั้งแต่เซ็นเอกสารรับมอบกรมธรรม์จากบริษัท โดยบริษัทจะคืนเบี้ยที่ชำระมาแล้วให้ พร้อมหักค่าใช้จ่าย 500 บาท และค่าตรวจสุขภาพตามจริง (หากมี)
อัตราเบี้ยประกันภัยจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
อายุ: อายุที่แตกต่างสามารถแสดงถึงโอกาสที่ร่างกาย จะบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับผลกระทบแทรกซ้อนแตกต่างกันไปด้วย เช่น หากอายุมากขึ้น เบี้ยประกันจะเพิ่มขึ้นเพราะจะมีโอกาสเกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ได้มากขึ้น ทั้งยังใช้เวลาในการพักรักษาตัวนานกว่าบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า
เพศ: ปัจจุบันความเสี่ยงภัยของเพศหญิงจะไม่แตกต่างจากเพศชายมากนัก แต่อย่างไรก็ตามความแข็งแรงของสุขภาพร่างกาย ยังมีความแตกต่างกันอยู่โดยปกติเพศหญิงจะใช้เวลาในการฟื้นตัวจากการเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บทางร่ายกายนานกว่าเพศชาย
สุขภาพ: ใครที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยรุนแรง ก็จะมีโอกาสเป็นโรคได้น้อยกว่าคนที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง ทำให้เบี้ยประกันถูกลงไปด้วย
อาชีพ อาชีพแสดงถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลซึ่ง จะนำไปสู่ความเสี่ยงภัยหรือแนวโน้มที่จะได้รับบาทเจ็บ หรือเจ็บป่วยที่ต่างกันออกไป หากใครที่ทำอาชีพเสี่ยงมากก็อาจจะทำให้เบี้ยสูงตามไปด้วย
การดำเนินชีวิต แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพ หรือ อุบัติเหตุของบุคคลที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การเล่นกีฬาที่เสี่ยงอันตราย เป็นต้น
หลังจากศึกษาเรื่องประกันสุขภาพกันแล้ว ก่อนตัดสินใจซื้ออย่าลืมศึกษาเงื่อนไขของกรมธรรม์ก่อนซื้อ เพื่อการคุ้มครองที่ครอบคลุมและตรงกับความต้องการที่สุดนะคะ