หากคุณรู้สึกชาที่มือและเท้าหลังจากที่นั่งในท่าเดิมนานๆ รู้หรือเปล่าว่า อาการชาตามมาและเท้าที่เกิดขึ้น และอาการต่างๆที่ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณมีอาการปลายประสาทอักเสบ เรามาเจาะลึกถึงโรคอันตรายและฮิตที่เปรียบเสมือนภัยเงียบที่หนุ่มสาว วัยทำงานมักเป็นกัน
โรคปลายประสาทอักเสบ
ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) เป็นภาวะหนึ่งของเส้นประสาทซึ่งทำหน้าที่รับส่งคำสั่งจากสมองและไขสันหลังไปยังอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเกิดความเสียหายหรือเกิดโรคบางชนิด จนทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อ่อนแรง ปวดและชาตามมือและเท้า หรืออวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แม้จะสามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยา แต่ทางที่ดีควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจะดีที่สุด
ในร่างกายของคนเรา ระบบประสาทส่วนปลายจะทำหน้าที่รับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลาง แล้วส่งต่อคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวและรับความรู้สึกได้ ระบบประสาทส่วนปลายจะมีเส้นประสาทที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นสายไฟฟ้าในการนำคำสั่งไปตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเส้นประสาทส่วนปลายที่ออกจากสมองมี 12 คู่ซ้ายและขวา แต่ละคู่ควบคุมการทำงานในแต่ละส่วนของร่างกายที่เฉพาะเจาะจงแตกต่างกันไป
ลักษณะของอาการผิดปกติที่พบ เมื่อมีการอักเสบของเส้นประสาท ต่างๆ
เส้นประสาทคู่ที่ 7
ถ้าเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดอาการใบหน้าเบี้ยว ใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก ส่วนหนึ่งของอาการนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ในช่วงที่ร่างกายทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
เส้นประสาทคู่ที่ 8
ถ้าเกิดการอักเสบ จะทำให้สูญเสียการทรงตัว เกิดอาการบ้านหมุน ตามมา บางรายได้ยินเสียงแว่วในหู หรือมีอาการหูดับ
เส้นประสาทคู่ที่ 3, 4 หรือ 6
ถ้าเกิดการอักเสบ มักจะพบในกลุ่มคนที่เป็นเบาหวาน อาการที่พบบ่อย คือ เห็นภาพซ้อนแนวใดแนวหนึ่ง
เส้นประสาทคู่ที่ 5
หากเกิดการอักเสบ จะมีอาการปวดเสียว ปวดแปร๊บๆ บนใบหน้า ลักษณะอาการคล้ายถูกไฟฟ้าช็อต มักเกิดอาการด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า
อาการปลายประสาทอักเสบ ปลายประสาทมี 3 ประเภท
ประสาทรับความรู้สึก ซึ่งเป็นประสาทที่เชื่อมต่อกับผิวหนัง
เส้นประสาทสั่งการหรือนำคำสั่ง ซึ่งเป็นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ
ระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งเป็นประสาทที่เชื่อมต่อกับอวัยวะภายใน
อาการปลายประสาทอักเสบ มีอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- มีอาการเหน็บและชาตามมือและเท้า
- มีอาการแสบ หรือเจ็บแปลบบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่เท้า
- เสียการทรงตัวและการประสานงานของอวัยวะในร่างกาย
- อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น
ความดันโลหิตลดลงต่ำ
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ท้องผูก
อาหารย่อยยาก
ท้องเสีย
เหงื่อออกมากกว่าปกติ
อาการทั้งหลายข้างต้นมักเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่อาจเป็นแล้วหายไปได้เอง หรือเป็น ๆ หาย ๆ
โรคปลายประสาทอักเสบ พบได้ในคนที่มีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากขึ้น ได้แก่
-ผู้ป่วยเบาหวาน
-ทำงานหนักพักผ่อนน้อย
-ดื่มสุราหรือแอลกอฮอลล์เป็นประจำ
-สูบบุหรี่
-รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่
-ร่างกายขาดวิตามินบางชนิด เช่น บี 1 บี 6 และ บี 12
-รับประทานยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงต่อเส้นประสาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในการเกิดโรคปลายประสาทอักเสบ ได้แก่ โรคเบาหวาน รองลงมาได้แก่ การกดทับของเส้นประสาทจากการใส่เฝือก หรือใช้ไม้ค้ำ การป่วยเป็นโรคทางภูมิคุ้มกัน เช่น โรคข้อรูมาตอยด์ โรค SLE โรคปลอกประสาทอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดอักเสบนอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอันเกิดจากพฤติกรรมอย่างการใช้งานข้อมือซ้ำๆ อย่างการคลิกเมาส์หรือใช้สมาร์ทโฟนตลอดเวลาของคนวัยทำงาน ก็ทำให้เป็นโรคปลายประสาทอักเสบได้เช่นกัน โดยมักมีสัญญาณเริ่มต้นอย่างอาการมือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค ไปจนถึงการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็น นิ้วมือเพราะกล้ามเนื้อไปกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ เกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ปวดปลายประสาท นิ้วล็อค หรือข้อมือล็อคได้
อีกทั้งการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในท่าเดิม ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงเดียวที่เกิดขึ้น แต่รวมถึงการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมจนขาดวิตามินหรือป่วยเป็นเบาหวาน รวมถึงอาการเสพติดแอลกอฮอล์ ก็เป็นบ่อเกิดของโรคได้เช่นกัน
เมื่อใดที่ควรพบแพทย์ ?
หากพบว่ามือหรือเท้ามีอาการชา อ่อนแรงหรือมีอาการเจ็บผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยให้ควบคุมอาการและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเส้นประสาทส่วนปลายได้
แนวทางการดูแลเพื่อป้องกันการเกิดโรคได้เบื้องต้น คือ
-พักผ่อนให้เพียงพอ
-กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
-เลิกดื่มแอลกอฮอล์
-งดสูบบุหรี่
-ปรับรูปแบบในการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ให้เคร่งเครียดมากเกินไป
หากพบอาการผิดปกติแนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และรับการรักษาให้ถูกต้อง และเหมาะสม เนื่องจากการอักเสบของเส้นประสาทบางตำแหน่งมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินบางชนิด เมื่อได้รับการแก้ไข ได้รับวิตามินเสริมให้เพียงพอ ก็ทำให้หายจากอาการได้ บางกรณีต้องรักษาด้วยการผ่าตัดซึ่งการรักษาที่เหมาะสม
ส่วนการป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคปลายประสาทอักเสบจึงต้องแก้กันที่พฤติกรรมโดยรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายป็นประจำ และเปลี่ยนอิริยาบถขณะนั่งทำงานทุกชั่วโมง ไม่นั่งติดโต๊ะนานจนเกินไป