ความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาย่อมมี กิเลส มีความต้องการเป็นเรื่องปกติ การทำตามอารมณ์จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปโดยปริยาย ยกตัวอย่างง่ายๆที่เราเห็นได้ชัดเจน ก็คือเรื่องของการควบคุมอารมณ์ตัวเองในเรื่องอาหารการกิน บางทีเรากินทั้งๆที่ไม่หิว แต่พอเราเห็นอาหารน่าอร่อย กลิ่นหอมแล้ว เกิดความอยากกิน เราเห็นชานมไข่มุกรสชาติอร่อย และคุ้นเคย เราก็นึกอยากจะได้ชิม ลิ้มรสชาตินั้นอีกครั้ง เป็นต้น
จึงเป็นเรื่องไม่ยากเลย ที่ทุกวันนี้หลายคนมักจะมีน้ำหนักเกิน และมีไขมันสะสมตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายจนทำให้กลายเป็นคนที่มีน้ำหนักเกิน รูปร่างอวบหรืออ้วนโดยปริยาย และเมื่อเราตามใจปากจนเคยชิน เราก็จะกลายเป็นคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และควบคุมปริมาณการกินของตัวเองได้ จนกลายเป็นว่าเห็นอะไรน่าอร่อยอยากกินก็กิน โดยที่เราอาจจะลืมไปว่าปริมาณอาหาร ที่เรารับเข้าไปนั้น เกินความต้องการของร่างกายแล้วที่สำคัญปริมาณแคลอรี่ก็เกินด้วย และสิ่งนี้เองที่เป็นปัจจัยหลักสำคัญของการเกิดโรคอ้วนนั่นเอง
ตอบคำถาม การทำบอลลูน ในกระเพาะอาหาร
ดังนั้น วันนี้หากเราสามารถควบคุมปริมาณการกินของเราได้ เราก็จะสามารถควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักลงไปได้ด้วย นวัตกรรมทางการแพทย์ จึงได้คิดค้นเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Gastric Balloon” ซึ่งจะเป็นการใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร เพื่อลดขนาดพื้นที่ของกระเพาะอาหารช่วยทำให้เราอิ่มเร็วขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมการจำกัดปริมาณ การรับประทานอาหารของตัวเองได้เพื่อให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และไม่สามารถรับประทานอะไรเข้าไปมากเกินขนาดพื้นที่ของกระเพาะอาหารนั้นเอง
การลดน้ำหนัก ด้วยการส่องกล้องใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ถือว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้างได้ผลและมีผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการนี้มาแล้วมากมาย ซึ่งในทางการแพทย์สามารถช่วยเหลือ กลุ่มที่เรียกว่าเป็นผู้ป่วยโรคอ้วนได้เป็นอย่างดี
และที่สำคัญ เรายังแทบจะไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายจากการรักษาหรือการลดน้ำหนักด้วยวิธีการนี้หรือไม่ เพราะนี่เป็นวิธีการที่เรียกว่ามีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดแล้ว เพราะเราไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องวางยาสลบ หรือไม่ต้องฉีดยาชา แต่เป็นการรักษาโดยการส่องกล้องเหมือนกับการส่องกล้องในกระเพาะอาหารทั่วไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีหลายคนที่มีคำถามคาใจซึ่งวันนี้เราจะพาไปดู คำถามพร้อมกับตอบคำถามเหล่านั้นกัน
Q : การทำบอลลูนเป็นวิธีการที่เหมาะกับใครบ้าง
A : การลดน้ำหนักด้วยการใส่ บอลลูนในกระเพาะอาหารสามารถทำได้ทุกคนยกเว้นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเหล่านี้
- คุณแม่กำลังตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีอาการแพ้ซิลิโคน
- ผู้ที่ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนไม่สามารถเลิกได้
- ผู้ที่มีโรคในระบบทางเดินอาหาร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ
- ผู้ป่วยโรคปอดที่มีภาวะรุนแรงและยังควบคุมไม่ได้
- ผู้ป่วยที่ต้องรักษาด้วยกลุ่มยาต้านเกล็ดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด รวมถึงยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
Q: เมื่อใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหารแล้ว บอลลูนจะอยู่ได้นานแค่ไหน
A : ระยะเวลา ประมาณ 1 ปี แต่ในระหว่างนั้นแพทย์จะจ่ายยาให้ทานเพื่อลดกรดในกระเพาะซึ่งกรดนี้อาจจะสร้างความเสียหายต่อบอลลูน
Q : การใส่บอลลูน จะสามารถลดน้ำหนักได้กี่กิโลกรัม
A : น้ำหนักจะสามารถลดลงได้อย่างรวดเร็วในช่วง 3-4 เดือนแรก หลังจากนั้นจะค่อยๆลดลง โดยเฉลี่ย ประมาณ 15 ถึง 20 กิโลกรัม หรืออย่างน้อย 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวเดิม
Q : สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันตามปกติได้หรือไม่
A : ในช่วงสัปดาห์แรกไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากแต่หลังจากนั้น เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว สามารถใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมได้ตามปกติและควรออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้เร็วขึ้น
Q : มีข้อห้ามในการรับประทานอาหารประเภทใดเป็นพิเศษหรือไม่
A : ไม่มีข้อห้ามเรื่องประเภทอาหารเป็นพิเศษ แต่ควรจำกัดปริมาณรับประทานครั้งละไม่มากจนเกินไป
Q : ถ้าหากถอดบอลลูนแล้วน้ำหนักตัวจะเพิ่มหรือไม่
A : เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ ไม่กลับมามีน้ำหนักเกินอีก ควรจำกัดปริมาณอาหาร ให้เหมือนกับการรับประทานขณะที่ยังใส่บอลลูน และปฏิบัติตัวอย่างมีวินัยพร้อมทั้งพบแพทย์ตามนัดเป็นประจำ