เตรียมพร้อมเป็น “ผู้สูงอายุ” อย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระลูกหลาน

ผู้สูงวัย

เตรียมพร้อมเป็น “ผู้สูงอายุ” อย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระลูกหลาน ไม่ว่าจะด้วยความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ หรือคุณภาพชีวิตของประชากรไทยที่ดีขึ้น ทำให้สังคมไทยต้องเตรียมก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่อาจมีจำนวนมากถึง 13 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ของประชากรไทยทั้งหมด แน่นอนว่าหากู้สูงอายุเหล่านี้ไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือชีวิตหลังเกษียณให้ดี สิ่งที่จะตามมาก็คือปัญหามากมาย

ไม่ว่าจะเป็นเงินเก็บที่มีไม่พอใช้ สุขภาพเสื่อมโทรมจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมไปถึงภาระของวัยทำงานที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว ทั้งเด็ก และผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ทำให้ครอบครัวจะต้องประสบกับปัญหาความเครียดจากภาระค่าครองชีพและภาวะหน้าที่ที่ต้องดูแลคนในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น

งนั้น เห็นอย่างนี้แล้ว เราๆ ในวัยทำงานทั้งหลาย ก็ควรต้องวางแผนชีวิตล่วงหน้า เพื่อรับมือกับวัยสูงอายุในอนาคต หรือที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า “อย่าเป็นภาระให้ลูกหลาน” นั่นแหละ
สิ่งที่เราในวัยทำงานต้องเตรียมพร้อมก่อนเข้าสูงวัยสูงอายุ คือ

1. ด้านสุขภาพ
นอกจากการซื้อประกันสุขภาพอย่างที่หลายๆ คนเตรียมซื้อเอาไว้บ้างแล้วนั้น ยังต้องลดปัจจัยที่ทำให้ก่อโรคในอนาคตตั้งแต่วันนี้ เริ่มต้นด้วยอาหารการกินที่ต้องครบ 5 หมู่ ทานอาหารให้ตรงเวลา รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ลดการบริโภคแป้ง น้ำตาล ไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย รวมไปถึงแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ที่เป็นสาเหตุของโรคอันตรายต่างๆ มากมาย นอกจากจะต้องระมัดระวังโรคยอดฮิตอย่างเบาหวาน มะเร็ง หัวใจ แล้ว อย่าลืมว่ายังมีโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ ให้ต้องกังวลอีกด้วย

2. ด้านสังคม
ในเมื่อผู้สูงอายุหลุดวงโคจรออกมาจากเพื่อนที่ทำงานแล้ว การสร้างสังคมที่เปรียบเสมือนชมรมผู้สูงอายุ จึงช่วยเยียวยาจิตใจของผู้สูงอายุได้ ซึ่งจะสื่อออกมาถึงสุขภาพทั้งร่างกาย และจิตใจ เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ พึ่งพาตนเองได้ สสส. จึงเตรียมขยายผลชมรมผู้สูงอายุต้นแบบ 110 แห่ง พัฒนาหลักสูตร “โรงเรียนผู้สูงอายุ” สร้างผู้สูงวัยคุณภาพ และเตรียมนำร่องจ้างงานผู้สูงอายุ ในสถานประกอบการ 12 แห่ง สำหรับผู้สูงอายุที่สนใจอีกด้วย

3. ด้านเศรษฐกิจ
สำหรับผู้สูงอายุที่อยากทำงานต่อ จึงมีโครงการนำร่องในสถานประกอบการทั้ง 12 แห่ง เพื่อสร้างโอกาสและขยายอายุการจ้างงานแรงงานสูงวัย นอกจากนี้ยังมีการทำงานร่วมกับภาคนโยบาย และการทำงานเชิงพื้นที่ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งในปัจจุบันมีพื้นที่ต้นแบบเพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยการใช้ชุมชนเป็นฐาน ทั้งในชุมชนท้องถิ่นและชุมชนเขตเมืองกว่า 300 แห่ง

นอกจากนี้เรื่องของการออมก็สำคัญ หากผู้สูงอายุต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง การวางแผนการออมเพื่อชีวิตหลังเกษียณก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

แม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับวัยหนุ่มสาว แต่เมื่อเวลามาถึง แล้วเราไม่ได้เตรียมความพร้อมมากพอ นึกขึ้นได้อีกทีก็อาจจะทำอะไรไม่ทันแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นเรามาเตรียมความพร้อมกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นผู้สูงอายุที่ดีทีคุณภาพกันดีกว่า